เผยความคืบหน้าคดีกล่าวหา ‘รุ่งนภา แสงโคตรมา’ อดีตเภสัชฯ รพ.เต่างอย สกลนคร ยักยอกเงินรายได้-เงินบำรุง ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษา ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี ปรับกระทงละ 2,000 บาท รวม 17 กระทง เป็น 85 ปี ปรับ 34,000 บาท เจ้าตัวรับสารภาพลดโทษให้ เหลือจำคุก 42 ปี 6 เดือน ปรับ 17,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี – ป.ป.ช. เห็นควรอุทธรณ์สู้ต่อไม่ให้รอลงโทษ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นางสาวรุ่งนภา แสงโคตรมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานเภสัชกรรม 3 โรงพยาบาลเต่างอย จังหวัดสกลนคร ยักยอกเงินรายได้-เงินบำรุงโรงพยาบาลของโรงพยาบาลเต่างอย
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ.มาตรา 147, 157 , 161, 264 , 265 , 266(1) , 268 , 162 (1) (2) และ (4) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นความผิด ตามมาตรา 91
จำคุก กระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 2,000 บาท รวม 17 กระทง เป็น 85 ปี และปรับ 34,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 42 ปี 6 เดือน และปรับ 17,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ส่วนคำขอให้ชดใช้เงินคืน เมื่อรับฟังได้ว่าจำเลยชดใช้เงินคืนแก่โรงพยาบาลเต่างอยครบถ้วนแล้ว จึงให้ยกคำขอ
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นควรให้อัยการสูงสุด (อสส.) อุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนที่ศาลรอการลงโทษจำคุกกับจำเลยต่อไป
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
Cr : https://www.isranews.org/article/isranews/93658-picnews963.html