รองผู้กำกับฯ “นักสืบสมองเพชร” “ พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ถุงน้อย” หวัง “ฟ้ามีตา”ผลงานทะลุเป้า!
“เป็นพระต้องสวด เป็นตำรวจต้องจับ!” ไม่ใช่แค่แคปชั่นเท่ๆ!
แต่หาก กากเดนทรชน-คนเลว โดนนายตำรวจ เจ้าของฉายาสื่อฯตั้ง “มือปราบคนเถื่อน”ท่านนี้…เอาปากกามาวงแล้วละก็ บอกได้เลยว่า ดวงกุด!
พันตำรวจโท ภาคสุวัฒน์ ถุงน้อย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสอบ สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
ไม่ว่า “รองฯภาคสุวัฒน์” จะไปอยู่แห่งหนใดก็ตาม บรรดาหัวขโมยตัวแสบพวกลักเล็กขโมยน้อย ไปยัน “โจรห้าร้อย” ถึงกับต้องผวา “อยู่ร้อน นอนทุกข์” ขี้เยี่ยวปริบกันเป็นแถว!
เส้นทาง “มือปราบคนเถื่อน” เกิดลุ่มน้ำบางปะกง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียนจบ ม.6 โรงเรียนบางน้ำเปรี้ยววิทยา ปริญญาตรี “นิติศาสตร์บัณฑิต” มหาวิทยาสุโขทัยธรรมาธิราช และ ปริญญาโท “รัฐประศานศาสตร์” มหาวิทยาลัยศรีปทุม
เริ่มชีวิตข้าราชการ บรรจุเป็นผู้หมวด “ ร้อยตำรวจตรี” ติดดาวเงินแปดแฉก เมื่อ 1 กุมภาพันธุ์ 2540 ตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เส้นทางสีกากี วนเวียนอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 2 ขยับครั้งแรกในปี 2550 เปลี่ยนจากสายปราบปรามฯ ไปสวมบท “เชอร์ล็อก โฮมส์”ขึ้นแท่นเป็น“นักสืบ” ดำรงตำแหน่ง “สารวัตรสืบสวนสอบสวน”สถานีตำรวจภูธรศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อยู่จนครบปี จึงโยกมา สถานีตำรวจภูธรห้วยใหญ่ จังหวัดชลบุรี ยังคงเป็นสารวัตรสืบฯเหมือนเก่า
ทุ่มเททำงาน ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ในปี 2555 ขยับตำแหน่งขึ้นไปเป็น “รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน”สถานีตำรจภูธรบ่อทอง จังหวัดชลบุรี แล้วถูกย้ายไปอยู่อำเภอศรีมโหสถ หรือ เดิมคืออำเภอ “โคกปีบ” ชุมทาง ผู้มีอิทธิพลที่เคยโด่งดังเมื่อครั้งอดีตในแถบปราจีนบุรี กระทั่งปี 2562 ย้ายไปอยู่ สถานีตำรวจภูธรบางพลีน้อย สมุทรปราการ
โยกย้ายอีกครั้ง คราวนี้กระเด็นออกนอกหน่วย ไปสังกัด “ตำรวจภูธร ภาค 1”เป็น “รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม” สถานีตำรวจภูธรวัดสิงห์ “เมืองหุ่นฟางนก”ชัยนาท
ก่อนจะถูกย้ายข้ามห้วยไปสังกัด “กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” เป็น “รองผู้กำกับการ3” กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ตอนล่าง
สัจธรรมจริงแท้แน่นอนว่าไว้ ตราบใดที่ยังสวมใส่เครื่องแบบสีกากี สองอย่างที่เลือกไม่ได้ คือ “ นาย” กับ “ที่ทำงาน” แต่ถึงแม้จะกระเด็นไปเป็น “ข้าวนอกนา”ตกหล่นอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม…
ภาระและหน้าที่คือ ปกป้อง ดูแล แก้ไข รับใช้ประชาชน และสนองคุณต่อแผ่นดินเกิด จิตสำนึกภายใต้อาร์มของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”นับแต่วันแรกที่สวมชุดกากีสีของแผ่นดิน ฝังลึกไม่มีวันจางหาย!
รองฯภาคสุวัฒน์ นั่งเก้าอี้ “โปลิศท่องเที่ยว”ได้ปีเดียว และด้วยคำสั่งโยกย้ายในปี 2564 โดนแรงเหวี่ยงข้ามฟาก กระดอนไกลไปตกถึงถิ่นอีสานตอนบน สังกัดตำรวจภูธร ภาค 4 นั่งเก้าอี้ “รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม”สถานีตำรวจภูธรภูกระดึง จังหวัดเลย
สัมผัสไอดินถิ่นผีตาโขน บนแผ่นดินที่ราบสูง ดินแดนที่ได้รับ ฉายาว่าเป็น “ภูฎานเมืองไทย” เป็นเวลา 2 ปี กระทั่งมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ให้กลับมายังพื้นที่ฟากฝั่งตะวันออกอีกครั้ง…
นั่งเก้าอี้ “รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสอบ”สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
วงจรชีวิตนักสืบ ไม่ต่างไปจากดักแด้ ถึงแม้จะลอกคราบกี่ครั้ง ยิ่งลอกยิ่งแกร่ง จิตวิญญาณก็ยังคงความเป็น “นักสืบ” ที่ต้องพกหัวใจ เสริมใยเหล็ก ขึ้นชื่อ “มือปราบ” ย่อมไม่เกี่ยงศาสตราวุธใดๆ “กระบี่”เล่มไหนก็คมกริบ พร้อมฟาดฟันสยบ “อธรรม” ได้เช่นกัน!
ไม่ว่าจะแฟ้มคดีค้างเก่า หรือใหม่ ที่เคยเกิดมาแล้ว แต่ยัง “ไม่ปิดจบ” หรือเพิ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ของอำเภอเกาะจันทร์ “รองฯภาคสุวัฒน์” ใช้ปากกาวง เอา“ปูนแดง”คาดหัวไว้…เชื่อขนมกินได้ ไม่มีรอด!
หลังกลับสู่เหย้า คืนถิ่นเก่าที่คุ้นเคย ในปีแรก2566 ล็อกคนร้ายคดีฆ่าคนตายได้แบบปุ๊บปั๊บจับทันควัน หลังเกิดเหตุเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง และรวบโจรคดีวิ่งราวทรัพย์ร้านขายทอง หลังคนร้ายก่อเหตุภายในหนึ่งชั่วโมง
ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เปิดคัมภีร์นักสืบ ไล่ตามล่ากวาดล้าง หมายจับคดีค้างเก่า ได้มากเป็นอันดับหนึ่ง ของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 ในระดับสภ. เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีกำลังชุดสืบสวน เพียงแค่ 6 นาย เท่านั้น
หมายจับไม่หมดอายุ ตำรวจไม่หมดความพยายาม!
ด้วยฝีไม้ลายมือระดับขึ้นหิ้ง พ.ต.อ.ทัศน์พงษ์ คงทัพ ผกก.สภ.เกาะจันทร์ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ถุงน้อย รอง ผกก.สส. นำทีมสืบสวนโดยมี ร.ต.อ.รัชกร ศิริรัมย์ และชุดสืบสวน ถือหมายค้นที่ ค.126/2568 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2568 เข้าปิดล้อมรังโจร พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหา วัย40 ปี ที่หนีหมายจับค้างเก่า หลบมาฝังตัวอยู่ในพื้นที่
คดี “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือ เมทแอมเฟตามีน เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต”
ด้วยนิสัยใจคอเป็นคนทำถึง จนเป็นที่กล่าวขานรำลือว่า “รองฯภาคสุวัฒน์” กัดไม่ปล่อย บดขยี้ทุกคดีที่ติดตาม ไล่ขย้ำมหาโจรคนเลว ที่มี “ชนัก”ปักคาหลัง แบบจัดเต็มทุกดอก!
“หมายจับมีไว้ตาม และจะตามจนกว่าจะเจอ” สภ.เกาะจันทร์ไม่ปล่อยให้ คนร้ายลอยนวล!
ทำงานโปร่งใส เพื่อความมั่นใจของประชาชน
ขึ้นชื่อว่า “นักสืบ”ใช่ว่าใคร?ก็จะมาเป็น “นักสืบ”ได้หมด โหงวเฮ้งต้องพกคุณสมบัติพิเศษมาด้วย “กึ๋นต้องใหญ่ ใจต้องนิ่ง” เดินหน้าลูกเดียว สู้ไม่ถอย “หัวใจต้องใหญ่กว่าตับ” รับจบทุกคดี!
ในช่วงเดือนสิงหาคม สภ.เกาะจันทร์ เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง หมายจับคดีค้างเก่า พ.ต.อ.ทัศน์พงษ์ คงทัพ ผกก.สภ.เกาะจันทร์ มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ออกปฏิบัติการตามนโยบาย ของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เน้นย้ำให้มีผลเป็นรูปธรรม
พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ นายตำรวจยอดนักสืบขานรับทันที พร้อมกับนำชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว จนทราบว่า นายไพโรจน์ เตศิริ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ จ.115/2566 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2566
ข้อหาร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนและร่วมกันฉ้อโกง

หลบมากบดานอยู่บ้านพี่สาว ในพื้นที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอเกาะจันทร์
โจทย์ดูเหมือนง่าย แต่วิธีทำกลับซับซ้อนซ่อนความยากเอาไว้ กลายเป็นงานงอก “ไข่ในหิน” ด้วยผู้ต้องหารายนี้ไม่ไว้ใจใครเลย ระวังตัวแจตลอดเวลา การจะเข้าถึงตัวทำได้ยากยิ่งนัก ด้วยมีญาติพี่น้อง คอยเป็นหูเป็นตา เพียงแค่มีเงาคนแปลกหน้าวูบวาบผ่านมา ก็ไหวตัวแล้ว!
แผนนักสืบเหยียบเมฆ ที่เหนือชั้นกว่าจึงผุดขึ้น “กึ๋นตำรวจ” ต้องใหญ่กว่าโจร งานยากต้องพลิกตำราสืบ ใช้นโยบายปราบปรามยาเสพติด ของกระทรวงมหาดไทย เป็นสะพานเชื่อมเข้าไปหาตัวเป้าหมาย!
พอรู้ข้อมูลมาว่า อำเภอพนัสนิคม จะออกปฏิบัติการ X-ray พื้นที่หาเป้าหมายผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด บริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงบ้านที่ผู้ต้องหากบดานอยู่
จึงได้ประสานไปยัง นางสาวอรุณรัตน์ พุ่มเจริญ นายอำเภอพนัสนิคม พร้อมกับเล่ารายละเอียดให้ฟัง ก่อนขออนุญาตปลอมตัวเป็นปลัดอำเภอ แต่งตัวใส่หมวกติดตรา “กรมการปกครอง” แฝงตัวเนียนๆ ไปกับเจ้าหน้าที่ ฝ่ายอำเภอ
พอไปถึงพบเจ้าตัวนั่งอยู่ภายในบ้าน พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ในคราบนักสืบโคนัน จึงแสดงตัวเป็นตำรวจ งัดหมายจับออกมา พร้อมกับล็อกตัวทันที โดยที่ไม่ทันให้ตั้งตัว งานนี้ผู้ต้องหาถึงกับ “ช็อคซีเนม่า” ยิ่งกว่า “ธี่หยด”3ภาค ขยำรวมกัน
โจรเข็มขัดสั้น!คาดไม่ถึงว่าหนีคดีมาได้ตั้ง 3 ปี สุดท้ายตายน้ำตื้น โดน“นักสืบสมองเพชร”ปลอมตัวมาเด็ดกล่องดวงใจ ล็อกคอได้ง่ายดาย ขนาดนี้!!
ภายหลังรวบตัวแล้ว คัมภีร์นักสืบแห่ง สภ.เกาะจันทร์ ยังต่อยอดตรวจสอบศูนย์หมายจับ CCOC ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พบว่ายังมีหมายจับเกี่ยวกับคดีเป็นเจ้าของคอก “บัญชีม้า”พ่วงอีกเป็นหางว่าว
หมายจับแรก กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี,หมายจับที่สองของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ หมายจับที่สามและสี่ เป็นของสถานีตำรวจภูธรพิชัย อุตรดิตถ์
ผู้ต้องหาอ้างว่า อดีตภรรยา ที่เลิกรากันไปแล้ว ใช้หลักฐานของตัวเองไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วขายต่อให้กับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในราคาบัญชีละ 3,000-5,000 บาท
ทั้งนี้ แนวทางการสืบสวน คาดว่าน่าจะเปิดมาแล้วมากกว่า 10 บัญชี


หลังจากครบกำหนดช่วงเวลาระดมกวาดล้าง 10 วัน ผลปรากฏว่า สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ มีผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับถึง 32 หมาย มากที่สุดของระดับสถานีตำรวจในตำรวจภูธรภาค 2 เฉือนชนะ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ไปแบบฉิวเฉียด
อีกชิ้นงานที่ดูโดดเด่น เมื่อครั้งเป็น สารวัตรสืบฯ สภ.ห้วยใหญ่ โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยการจับกุมคดีจ้างวานฆ่ายกแก็ง รวบมือปืนฉายา“ภาพ100ศพ” นักฆ่าทมิฬ ผู้โด่งดังในยุคนั้น
ด้วยเพราะ “ทำถึง”ผลงานเป็นที่ประจักษ์ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา มอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ “หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ” และสามารถ ขุดรากถอนโคน ขบวนการ “แก็งคอลเซ็นเตอร์”ชาวใต้หวัน รวม19คน การพิชิตคดีดังในครั้งนั้น ถือเป็นวายร้ายข้ามชาติแก็งแรกๆที่เกิดขึ้นในไทย

รองฯภาคสุวัฒน์ ใช่ว่าเฉียบแต่ “บู๊” วิทยายุทธด้าน “บุ๋น”ก็ใช่ย่อย!
ย้อนกลับไป สมัยอยู่พลูตาหลวง ผลงานชุมชนเข้มแข็งต้านยาเสพติด “บ้านขลอด” ถูกยกให้เป็น “หมู่บ้านต้นแบบ” ของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ “ป.ป.ส. และเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการป้องกันยาเสพติดแบบยั่งยืน
ตอนไปอยู่โรงพักภูกระดึง คว้ารางวัล โครงการ “RTP Cyber village” อันดับหนึ่ง ของตำรวจภูธรจังหวัดเลย
ครั้งหนึ่ง รายการ “โปลิศทอล์ค” ได้เชิญไปสัมภาษณ์พูดคุยออกอากาศ ถึงแนวทางการทำคดีอาชญากรรม และการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ถือเป็นการันตี
“โปรไฟล์”ประสบการณ์คัมภีร์นักสืบ และผลงานเชิงประจักษ์ เป็นการ “ตัดสิน”ยอมรับของประชาชน ผ่านทางตัวแทนสื่อมวลชน

การปฏิบัติหน้าที่แบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม ช่วงอยู่ สภ.บ่อทอง คดีดังที่ “รองฯภาคสุวัฒน์” ตามจับกุมนักการเมืองท้องถิ่น เป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ในคดีจ้างวานฆ่าลูกเศรษฐีชาวบ่อทองได้ยกแก็ง
ใครจะคิดว่า คดีอิทธิพลที่ต้องทำให้นายตำรวจมือปราบฯอย่าง “รองฯภาคสุวัฒน์” ต้องเจอกับคำว่า “นักรบ ย่อมมีบาดแผล”
ภายหลังจาก คดีจับกุมผู้มีอิทธิพลและเครือข่าย ผ่านไปไม่ช้าไม่นาน นายตำรวจที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ กลับถูก “เจาะยาง” เตะโด่งออกนอกพื้นที่ ไปปราจีนบุรี หลังจากนั้นก็โดนคำสั่งย้ายระเหเร่ร่อน ข้ามห้วยหนองคลองบึง ไปจนถึงตีนดอยภูกระดึง
ภาษามวย บอกว่า “เกือบหลับ แต่กลับมาได้” กลายเป็นจุดตัด ให้ต้อง“พลัดที่นาคาที่อยู่” นานร่วม 10 ปี แม้กลับคืนถิ่นเก่ามาแล้ว แต่ก็ยังแขวนอยู่ในตำแหน่งรองผู้กำกับฯเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือ เป็น “รองผู้กำกับการ” มา13 ปี เงินเดือนเต็มขั้นมา 3 ปีแล้ว!
ผลงานที่ผ่านมา ปฏิบัติงานเข้าเป้าตามตัวชี้วัดมาโดยตลอด…
เหตุฆ่าคนตาย,เหตุชิงทรัพย์ร้านขายทอง สามารถจับกุมคนร้าย ได้แบบทันควัน ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง
ผลงานด้านปราบปรามยาเสพติด ก็ทำได้ทะลุเป้าหมาย ในการจับผู้ค้า,ยึดทรัพย์ และติดตามรวบตัวคนร้ายตามหมายจับ สร้างผลงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ของตำรวจภูธร ภาค 2 ในระดับสภ. ทั้งที่มีชุดสืบสวนเพียงหยิบมือเดียว!
ทำงาน “ทะลุเป้า”ทะลุใจประชาชน ผลงานคุณภาพคับแก้วแบบนี้!ควรต้องตบ “รางวัลเกียรติยศ” เป็นขวัญกำลังใจให้คนมุมานะกับงาน กันบ้าง!
ในการแต่งตั้งครั้งนี้ มีตำแหน่งผู้กำกับการ ว่าง 24 ตำแหน่ง รองฯภาคสุวัฒน์ อาวุโสลำดับที่19 ของตำรวจภูธร ภาค 2
หาก “ฟ้ามีตา” ก็ขอให้มองมาที่คนทำงาน ด้วยครับ!
“ อั๋น พันดาว”









