‘ธอส.’ชงคลังลดดอกเบี้ยบ้านครึ่งหนึ่งช่วยลูกค้า

36

7 ต.ค. 2563 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลังคนใหม่ พิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่กู้เงินกับ ธอส. รวม 2 มาตรการ หลังจากที่ นายอาคม เข้ารับหน้าที่ รมว.การคลังแล้ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา จากผลกระทบแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมีเป้าหมายในการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน เติมเงินเข้ากระเป๋า ตามแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

โดยมาตรการที่ 1 คือ การขอเสนอกระทรวงการคลัง พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยกึ่งหนึ่งหรือครึ่งหนึ่ง ให้กับลูกค้าของธนาคาร ซึ่งจะรวมทั้งผู้กู้รายใหม่ และลูกค้าเดิม โดยจะขอให้คลังชดเชยรายได้ดอกเบี้ยที่หายไป เช่น ปัจจุบันผู้กู้รายใหม่ จะคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.99% ก็อาจจะเสนอให้คลังช่วยชดเชย 1.50% ซึ่งยังมีช่องทางทำได้ ขณะที่ลูกค้าเดิม ก็ต้องพิจารณาเกณฑ์ว่าจะช่วยกลุ่มไหน ในหลักการหากเป็นดอกเบี้ยลอยตัวแล้ว ถ้าเป็นเงื่อนไขเดียวกันก็จะขอลดดอกเบี้ยลง 1.50% เช่นกัน

“จะรอหารือกับ รมว.การคลังคนใหม่ ว่าต้องการให้ธนาคารช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง จากที่ผ่านมาธนาคารออกมาตรการดูแลลูกค้า ทั้งการพักหนี้เงินต้น และดอกเบี้ยออกไป กว่า 4.5 แสนล้านบาท จากสินเชื่อคงค้าง 1.3 ล้านล้านบาท หากต้องการให้ ธอส.ลดดอกเบี้ย ช่วยกลุ่มลูกค้าที่ดี ลำพังตอนนี้คงทำเองไม่ได้ เพราะงบดุลค่อนข้างเปราะบาง จากช่วงที่ผ่านมาความสามารถ (Performance) ธนาคารจะเอาไม่อยู่” นายฉัตรชัย กล่าว

มาตรการที่ 2 เสนอ รมว.การคลังรับทราบรายละเอียด หลักเกณฑ์การออกสินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 generation หรือยาวนานสูงสุดถึง 70 ปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ภายในเดือน พ.ย. 2563 เป็นการกู้ร่วม กับทายาทที่ยังไม่มีรายได้ เพื่อลดผ่อนชำระเหลือเดือนละ 2,000 บาท ทำให้คนไทย มีบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ขณะที่ในปี 2564 ธอส. ตั้งเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 215,641 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 222,110 ล้านบาท ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นปีละ 3% มีสินเชื่อคงค้างในปี 2564 ที่ 1.374 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.444 ล้านล้านบาท ในปี 2565

ขณะที่ ผลประกอบการปี 2563 ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2563 เทียบกับสิ้นปี 2562 มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,273,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.30% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 51,559 ล้านบาท คิดเป็น 4.05% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จำนวน 2,044 ล้านบาท โดยในปีนี้ ธนาคารจะกันสำรองเพิ่มขึ้น 5,300 ล้านบาท จากปัจจุบันกันสำรองแล้ว 3,500 ล้านบาท

Credit : https://www.thaipost.net/main/detail/79720

- Advertisement -