ตร.ยอมรับผลสอบชุด ’วิชา’ ส่งสอบวินัย 21 นายเอี่ยวคดี ‘บอส’

69

ตำรวจยอมรับผลสอบ กก.สางคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ส่งสอบวินัยตำรวจ 21 นาย เผยไม่มีอำนาจเรียกสอบ ‘สมยศ’ เพราะเกษียณอายุราชการแล้ว ส่วนการขอหมายแดงจากอินเตอร์โพล ต้องรออัยการทำความเห็นสั่งฟ้องมาก่อน

สำนักข่าวอิศรา(www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 ก.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนของตำรวจ หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ กรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ให้กับนายกรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวานนี้

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจได้ยอมรับผลการตรวจสอบในรายงานชุดดังกล่าว พร้อมดำเนินการตามข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการตรวจสอบเอาผิดทางวินัย ส่วนการรื้อฟื้นคดีอาญาที่ได้ดำเนินการส่งฟ้องนายวรยุทธไปแล้ว 3 ข้อหา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้คดีขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ ได้หมดอายุความไปแล้ว

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของความผิดวินัยตำรวจที่ สตช. ตรวจพบ มีตำรวจทั้งหมด 21 นาย เป็นผู้กระทำความผิดเดิม 11 นาย ซึ่งส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) แล้วเมื่อปี 2559 และพบว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงที่ได้มีการลงโทษทางวินัยไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อขยายผลการตรวจสอบตำรวจกลุ่มนี้ พบว่ามีตำรวจ 2 นายเข้าข่ายกระทำความผิดเพิ่ม จึงได้ส่งเรื่องไปยังกองวินัย สตช. ลงโทษตามกฎหมายต่อไป ส่วนตำรวจรายใหม่ 10 นายที่พบว่าบกพร่องจากการขยายผลตวรจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดตำรวจ ได้ส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยต่อไป และ หากพบว่าเป็นคดีอาญาต้องส่งไปยัง ป.ป.ช.ต่อไป ส่วนประเด็นเรื่อง พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อยู่ระหว่างการตวรจสอบของกองวินัย สตช.เช่นกัน หากสุดท้ายพบว่ามีความผิดหรือบกพร่อง ก็จะเข้าสู่กระบวนการการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ ไม่สามารถเรียก พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาสอบสวนได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นตำรวจ และเกษียณอายุราชการไปแล้ว และมีการให้การที่แย้งกันในเรื่องของการพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น พนักงานพิสูจน์หลักฐานในคดี ต่างคนต่างอ้างหลักฐาน และในรายงานของนายวิชา ก็ไม่ได้ระบุชื่อชัดเจน แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะผู้ที่เข้าให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ต่างเป็นอิสระต่อกัน ส่วนกรณีที่นายวิชาระบุว่า ได้มีการขอกันตัว พ.ต.อ.ธนสิทธิ เป็นพยานนั้น ในส่วนของ สตช. ยังไม่สามารถดำเนินการได้ จนกว่าจะมีการสอบสวนดำเนินคดีอาญา ดังนั้น พ.ต.อ.ธนสิทธิ จึงยังอยู่ในฐานะของผู้ที่ถูกพาดพิงในคดีนี้

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนการขอหมายแดงกับองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เพื่อติดตามตัวนายวรยุทธมาลงโทษนั้น ยังอยู่ในส่วนที่ต้องรอให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ หลังจากนั้นกองการต่างประเทศจะได้ส่งเรื่องไปยังตำรวจสากล ให้พิจารณาออกหมายแดงต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ยังชี้แจงกรณี ที่นายวิชาระบุว่า ตำรวจตั้งสำนวนคดีนี้ผิดแต่วันเกิดเหตุ โดยมีการแจ้งข้อหา ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจที่เสียชีวิตเป็นผู้ต้องหานั้น ขอยืนยันว่า การแจ้งข้อหา ด.ต.วิเชียร เป็นไปตามกระบวนการของพนักงานสอบสวน ถูกต้องตามหลักการ ซึ่งคู่กรณีในความผิดกฎหมายจราจรจะต้องถูกตั้งข้อหาทั้งสองฝ่าย เนื่องจากว่าจะมีผลที่ทำให้ผู้เสียชีวิตได้ประโยชน์จากการสอบสวนและเยียวยาในภายหลัง ไม่ได้ทำผิดกระบวนการแต่อย่างใด

Credit : https://www.isranews.org/article/isranews/91678-pl.html

- Advertisement -