” กระซิบ!!ท่านปธ.ศาลฎีกาและกต.สมมติว่า กรณีเมียนักธุรกิจรายนีัเป็นผู้พิพาก ษาและรู้เห็นกับผัวนักธุรกิจลักลอบซื้อรกและสายสะดือเด็กหลังคลอด(กรุ๊ฟ0)โดยมารดาเด็กไม่ทราบมาก่อนเพื่อเอามาทำสเตมป์เซลล์ ขายนั้นเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ท่านจะจัดการเยี่ยงไร ?!!! “
คืบหน้า!!!จากกรณีที่มีหญิงสาวอดีตลูกจ้างชื่อน.ส.ก๊กไก่(นามสมมติ)สาวใจเด็ดนำพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวกับการลักลอบเอาซื้อขายชิ้นส่วนของเด็กทารกซึ่งเป็นสายสะดือและรกเด็ก(เลือดกรุ๊ป o)ที่เพิ่งคลอดใหม่ๆในโรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชนมาซื้อขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันได้เงินมูลค่าหลักหมื่นบาทขึ้นไป โดยครอบครัวหรือแม่ของเด็กทารกนั้นไม่เคยทราบมาก่อนแต่อย่างใดซึ่งได้ลักลอบเอาออกมาขายกระทำเป็นสเตมเซลล์มากว่า7ปีถึง 8 ปี โดยเรื่องนี้ทาง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเรื่องนี้กราบเรียนต่อนายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว และนำเรียนแจ้งนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้ลงมารับเรื่องด้วยตนเองและทราบว่าทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก กิตติรัฐ์ พันธ์ุเพชร ได้รับทราบแล้วได้มอบหมายให้ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก อาชยน ไกรทอง ติดตามในเรื่องนี้ให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด

โดยคลินิกและบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทเอกชนที่มีเทวดาช่วยเหลืออยู่หลายตัวมากเท่านั้นมิได้อยู่ในตลาด หลักทรัพย์แต่อย่างใด
ส่วนข่าวคืบหน้าในขณะนีัทราบว่าทางชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าทำการสืบสวนสอบสวนในทางลับก่อนหน้านีัแล้วและหาข้อมูลในเชิงลึกกระทั่งทราบว่ามีกระบวนการลักลอบเอาใส่สายสะดือและรกเด็กทารกหลังคลอดค่อนข้างจะมีมูลความจริง ซึ่งกำลังเร่งสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆที่เกี่ยว ข้องในทางลับรวมทั้งเส้นทางการเงินต่างๆที่เชื่อมโยงในกระบวน การลักลอบค้าชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ของเด็กทารกหลังคลอดนี้ซึ่งนำมาทำเป็นสแตมเซลล์ออกจำหน่ายตามคลินิกเสริมความงาม,โรงพยาบาลเสริมความงาม,อาหารเสริมความงามในห้างสรรพสินค้าต่างๆในกรุงเทพฯและปริมณฑลหรือต่างจังหวัด ตลอดจนทั่วประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย สร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลแก่กลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคลเหล่านีั เป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่เสริมความงามด้านการฉีดสเต็มเซลล์ที่บริเวณใบหน้านั้นให้ดูอ่อนวัยเยาว์ ซึ่งจักต้องเสียเงินหลายหมื่นบาทหรือหลายแสนบาทต่อครั้งก็มี ซึ่งมีกลุ่มบุคคลรักสวยรักงามมักนิยมใช้ฉีดสเต็มเซลล์โดยเฉพาะ ดารา ศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักธุรกิจจำนวนมาก มักนิยมชมชอบในการฉีดสเตมป์เซลล์เพื่อลดอายุและใบหน้าให้ดูอ่อนไวได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และได้เชิญหญิงใจเด็ดรายนีั ขอให้มาให้ข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขแล้วโดยมี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าที่ร้อยตรี ดร.ธนกฤต จิตตอารีรัตน์ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เชิญผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษมาให้ถ้อยคำแล้วเป็นกรณีเร่งด่วน ยิ่งทราบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลในสังกัดกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์หรือในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แล้วก็จะต้องดำเนินการทางวินัยและหากเป็นความผิดต่อกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้วทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อละสั่งให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด และยิ่งทราบว่า มีเจ้าหน้าที่กรมวิมยาศาสตร์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้องเข้าไปรับจ๊อบนี้ด้วยแล้ว โดยจะไม่มีดารละเว้นเป็นอันขาด ส่วนข่าวในทางลับทราบมาว่าภรรยาของเจ้าของธุรกิจสเตมเซลล์รายนี้เป็นผู้พิพากษาอีกด้วยแล้วนั้น

ยิ่งให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นผู้รู้กฎ หมายเป็นอย่างดีตลอด จนมีเครือข่ายในแวดวงกา รเมืองและวงการธุรกิจอย่างกว้างขวางทางในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบการกระทำความผิดก็ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายเพื่อมีให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป โดยแหล่งข่าวได้รับข้อมูลในเชิงลึกแบบเกาะติดจาก นายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม ว่าเรื่องนี้จะจบลงเลยได้อย่าง และยิ่งเป็นกรณี ภรรยาของนักธุรกิจรายนี้เป็นถึงผู้พิพากษา จะอ้างว่าตนเองไม่รู้ว่าสามีของตนทำธุรกิจอะไรนั้น ท่านผู้ชมว่าฟังขึ้นหรือไม่ สำหรับภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ที่แน่ๆ ท่านประธานศาลฎีกาคนใหม่และปธ.กต.ท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้ !!!!