ศ.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาค่าเงินบาทว่า การตั้งกองทุน กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate targeting) เรากำหนดด้านไม่ให้เงินบาทแข็งเกินไปด้านเดียว โดยตั้งให้บาทอ่อนกว่าตลาด เช่น 1 ดอลลาร์สหรัฐ ($) = 40 บาทหรือมากกว่า กำหนดเป็น Range ตามสูตร
ดังนั้น เราจะไม่ถูกโจมตีค่าเงินบาท เพื่อเอา $ ออกไป เหมือนปี 2540 เพราะตอนนั้น เรากำหนดค่าบาทแข็งเกินจริง เกินราคาตลาดมาก ฝรั่งจึงเอา Future Baht มาแลก $ ออกไป จนทำให้เงินบาทขณะนั้น ลดค่าลงอย่างมากในเวลาอันสั้น เพราะเงินสำรอง $ ของเราถูกแลกออกไปหมด เช่น ลาว, ศรีลังกา ทุกวันนี้
อดีต รมว.คลัง กล่าวอีกว่า การโจมตีค่าเงินบาท ฝรั่งทำได้ด้านเดียว คือเมื่อเงินบาทแข็งเกินจริงมาก แล้วถูกโจมตีให้บาทอ่อนลง แต่ฝรั่งจะโจมตีให้บาทแข็งค่าไม่ได้ เพราะฝรั่งต้องเอา $ เยอะๆ มาแลกบาทออกไปจากระบบเศรษฐกิจไทย แต่เราพิมพ์บาทเอง เราพิมพ์ให้เขาได้เสมอ เงินบาทจึงไม่สามาถถูกโจมตีให้แข็งได้ เว้นแต่แบงค์ชาติที่ทำตอนนี้ ที่ไม่เพิ่มปริมาณบาทตาม $ ที่เพิ่มขึ้น ดูแล้วน่าจะโง่เขลา
การกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน จึงมีแต่ได้เงิน $ เข้ามา ไม่มี $ ออกไป เพราะเราจะไม่ขาย $ เพื่อให้บาทแข็ง หากมีคนมาโจมตี เราก็ปล่อยให้บาทอ่อนลงไป แบบญี่ปุ่น สินค้านำเข้าอาจแพงขึ้นบ้าง แต่เราจะมีรายได้ส่งออกและท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากทั้งในรูปมูลค่าเงินบาทในปัจจุบัน และในรูปปริมาณส่งออกและท่องเที่ยวในระยะยาว
“วิธีการนี้จะทำให้ GDP growth rate สูงเป็น 6-7% ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ประเทศจะเจริญเติบโตในอัตราสูง ประชาชนฐานะดีมีงานดีๆ ทำ รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนี้ทั้งของรัฐบาลและครัวเรือนลดลง ดังนั้น การทำค่าเงินให้อ่อนกว่าตลาด เราไม่มีความเสี่ยงอะไร” ศ.สุชาติ กล่าว