‘ธนสิทธิ’ ยืนยัน ‘สมยศ’ แนะนำ ‘สายประสิทธิ์’ ให้รู้จัก ก่อนให้ปากคำวิธีคำนวณความเร็วคดีบอสเป็น 79กม./ชม. ขณะที่ ‘มนู’ อยู่ในเหตุการณ์ ค้านเสียงแข็ง อดีต ผบ.ตร. ไม่ได้เดินทางมาด้วย ย้ำต่อให้มาก็เปลี่ยนแปลงความเร็วไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. สภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ร่วมด้วย คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน เพื่อติดตามกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยได้เชิญ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ , พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น พนักงานพิสูจน์หลักฐาน และ นายธานี อ่อนละเอียด อดีตเลขานุการ กมธ.กฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมทั้งเชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตบัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาให้ถ้อยคำชี้แจงต่อ กมธ. ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เดินทางมาชี้แจงแต่อย่างใด
โดยการชี้แจงในวันนี้เป็นประเด็นต่อเนื่องจากกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ในฐานะรองโฆษก กมธ.กฎหมายฯ เปิดเผยเอกสารชี้แจงลำดับขั้นตอนการทำงานของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ในการคำนวณความเร็วรถของนายวรยุทธ ซึ่งระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2559 พ.ต.อ.วิรดล ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีในขณะนั้น เดินทางมาพร้อมกับ พล.ต.อ.สมยศ และ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักวิชาการวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ผู้ที่คำนวณความเร็วรถได้ 79 กม./ชม. เข้าพบ พล.ต.อ.มนู ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจในขณะนั้น เพื่อให้ทำความรู้จัก และแนะนำเสนอสูตรคำนวนความเร็วจาก 177 กม./ชม. เป็น 79 กม./ชม.
พล.ต.อ.มนู กล่าวว่า ในวันนั้นพบเห็น นายสายประสิทธิ์ มาแสดงสูตรการคำนวณ ซึ่งเข้าใจเองว่ามากับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี หลังการคำนวณ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ได้เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ จึงได้ส่งความเห็นเป็นไปตามสำนวนที่ได้รับมา โดยที่ตนได้เดินเข้าเดินออกจากห้องสอบสวนในวันนั้นเพราะห้องติดกัน อย่างไรก็ตามตนมองว่า ไม่ว่านายสายประสิทธิ์ จะมากับใครไม่สำคัญ แต่อยู่ที่ว่าทำไมความเร็วมีการเปลี่ยน ซึ่งหากในวันนั้น พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยืนยันความเร็ว 177 กม./ชม. ถ้าหากอึดอัดแล้วแจ้งให้รับทราบก็จะไม่มีปัญหา ซึ่งที่พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมก็เพื่อความโปร่งใส และความเป็นธรรม หาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยืนยันความเร็วเดิม ทุกอย่างก็จบ ไม่มีการเพิ่มความเร็วใหม่เข้าไป และตนยืนยันว่า พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้มาในวันนั้น ถึงจะมาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเร็วรถได้
ด้าน พ.ต.อ.วิรดล กล่าวว่า เหตุเกิดในปี 2555 ได้ส่งสำนวนคำให้การของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ให้อัยการในปี 2556 ซึ่งต่อมาในปี 2559 พนักงานอัยการได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม และข้อเท็จจริงที่ปรากฎคือ วันนั้นเห็น นายสายประสิทธิ์ มาพร้อมกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เลยเข้าใจว่ามีวิธีคิดแบบใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องของกองพิสูจน์หลักฐาน และตนมาสอบเฉพาะ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เท่านั้น และขอยืนยันว่าไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับ นายสายประสิทธิ์ และ พล.ต.อ.สมยศ ตามที่ปรากฎเป็นข่าว และตนได้เดินทางไปคนเดียว
พ.ต.อ.วิรดล กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ไม่ให้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เปลี่ยนคำให้การจากการคำนวณความเร็ว 79 กม./ชม. เนื่องจากในช่วงเวลานั้นตนได้ย้ายออกจาก สน.ทองหล่อ ทำให้ไม่มีอำนาจสอบสวน โดยในหน้าที่มีอำนาจสอบสวนเฉพาะที่พนักงานอัยการสั่งเท่านั้น และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.2559 โดยที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ โทรศัพท์มาขอเปลี่ยนแปลงความเร็วเมื่อ 29 มีนาคม 2559 ทำให้แจ้งกลับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ทราบว่า ไม่มีอำนาจแล้วเพราะส่งสำนวนกลับไปให้อัยการแล้ว
ส่วนประเด็นในวันที่ 2 มี.ค. 2559 ที่มีการกล่าวหาว่า พ.ต.อ.วิรดล สร้างเอกสารขึ้นมาเพื่อยืนยันความเร็วของรถ 79 กม./ชม.นั้น พ.ต.อ.วิรดล ชี้แจงว่า วันที่ 26 ก.พ. 2559 พ.ต.อ.ธนสิทธิ ได้ขอเวลาในการคำนวณความเร็วใหม่อีก 5-7 วัน แต่พอหลังจากนั้น พ.ต.อ.ธนสิทธิ ได้กลับมาบอกว่าได้ผลการคำนวณแล้ว จึงได้มีการสอบปากคำในวันนั้น แต่ขอลงเป็นการให้ปากคำล่วงหน้าในวันที่ 2 มี.ค.2559 พ.ต.อ.ธนสิทธิ ก็ไม่ว่าอะไร เหตุผลที่ทำแบบนี้เพราะเป็นเงื่อนไขของเวลา และยอมรับว่าลงวันที่ในเอกสารผิดจริง
ด้าน พ.ต.อ.ธนสิทธิ กล่าวว่า ในวันที่พบกับนายสายประสิทธิ์ ตนได้เข้าไปที่กองพิสูจน์หลักฐานในห้องของ พล.ต.อ.มนู และได้พบกับ พล.ต.อ.สมยศ มาพร้อมกับนายสายประสิทธิ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิรดล ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ได้แนะนำให้ตนรู้จักกับนายสายประสิทธิ์ ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีวิธีคำนวณความเร็วรถใหม่มานำเสนอและมีเอกสารวิธีคำนวณจำนวน 10 แผ่น ใช้วิธีคำนวณความเร็วรถแบบเส้นทแยงมุมเป็นวิธีที่แตกต่างกับกองพิสูจน์หลักฐานใช้ พอบอกวิธีการคำนวณเสร็จแล้ว พล.ต.อ.สมยศและนายสายประสิทธิ์ ได้เดินทางออกจากห้อง และ พ.ต.อ.วิรดล ได้เข้ามาสอบปากคำ
“พ.ต.อ.วิรดล แจ้งว่าหนังสือจากอัยการให้ส่งสำนวนสอบสวนวันที่ 12 ก.พ. 2559 แต่วันดังกล่าวเป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 ซึ่งเลยเวลามาแล้วนั้น พ.ต.อ.วิรดลได้บอกว่าไม่มีเวลามาสอบสวนในวันหลังและจะขอสอบในวันนี้เลย โดยมีการสอบถามถึงวิธีการคำนวณหาความเร็วว่ามีวิธีอื่นหรือไม่ ในขณะนั้นก็มีวิธีของนายสายประสิทธิ์ ด้วยเวลาที่จำกัดและอยู่ในห้องของ พล.ต.อ.มนู ผู้บังคับบัญชา อีกทั้งอดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุดแนะนำให้รู้จักกับคนคำนวณ ทำให้ผมบอกว่าเป็นวิธีคำนวณความเร็วรถมีอีกแบบหนึ่ง ที่คำนวณความเร็วรถได้ 79 กม./ชม. แต่ขอยืนยันว่าหลังจากนั้นขอเปลี่ยนแปลงเนื่องจากพบว่าวิธีการคำนวณไม่ถูกต้อง” พ.ต.อ.ธนสิทธิ กล่าว
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/91318-boss.html