ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช. 2 ครั้ง! ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน รองนายก อบต. จ.พิษณุโลก – รอลงโทษ

38

คำพิพากษา ศาลฎีกาฯ รองนายก อบต. ซุ้มขี้เหล็ก จ.พิษณุโลก จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช. 2 ครั้ง ห้ามดำรงตำแหน่งห้าปี จำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 มิ.ย.2563 เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องราย นายปฏิวัติ ด่านแก้ว รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2557 จำคุกกระทงละ 2 เดือนและปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ. พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งโดยไม่แนบเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน ได้แก่ สำเนาแบบแสดงรายการ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2556 สำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน กต 3394 พิษณุโลก หนังสือรับรองยอดหนี้คงเหลือของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และผู้ถูกกล่าวหา ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี

พิพากษาว่า นายปฏิวัติ ด่านแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.ซุ้มขี้เหล็ก ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือนและปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก (คดีหมายเลขแดงที่ อม.235/2562 วันที่ 12 กันยายน 2562)


Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/89802-news-112.html

- Advertisement -