ป.ป.ช. เผยแพร่ผลคดีชี้มูลความผิด ‘อุเทศ เบ้าแก้ว’ อดีตนายก อบต. ห้วยพิชัย จังหวัดเลย จัดทำเอกสารคัดเลือกให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีประจำปีงบประมาณ 2553 เป็นเท็จ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 18,000 บาท การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 6 เดือน ปรับ 9,000 บาท ส่วนพวก 1 ราย โดนโทษ 4 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่โทษจำคุก ให้รอไว้ 2 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายอุเทศ เบ้าแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยพิชัย อำเภอ ปากชม จังหวัดเลย กับ พวก 1 ราย คือ นางสาวนภาพร ยาแก้ว จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการคัดเลือกให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีประจำปี งบประมาณ 2553 เป็นเท็จ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาว่า นายอุเทศ เบ้าแก้ว จำเลย ที่ 1 และ นางสาวนภาพร ยาแก้ว จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
จำคุก นายอุเทศ เบ้าแก้ว จำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี และ ปรับ 18,000 บาท จำคุก นางสาวนภาพร ยาแก้ว จำเลย ที่ 2 มีกำหนด 8 เดือน และปรับ 12,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้ การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 9,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน และปรับ 6,000 บาท
โทษจำคุก ให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 เห็นชอบในกรณีที่อัยการสูงสุด จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
ถ้าหาก นายอุเทศ เบ้าแก้ว และ นางสาวนภาพร ยาแก้ว รับทราบข่าวนี้ และประสงค์ที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมสามารถติดต่อกลับมาที่สำนักข่าวอิศราได้ตลอดเวลา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/89405-news05-8.html