‘มนัญญา’ ค้านแฮร์คัทหนี้หุ้นกู้ ‘การบินไทย’ ยอดหนี้รวม 4.3 หมื่นล้านบาท ชี้เงินสหกรณ์ฯหายไป 5 บาท ก็เป็นเงินสหกรณ์อยู่ดี แนะสหกรณ์รวมตัวสร้างพลังต่อรองกับ ‘ผู้ทำแผน’ ระบุหากแตกแยกภายในจะไม่มีพลัง ขณะที่ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงนามคำสั่งตั้งคกก.ตรวจสอบสหกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีข้อบกพร่อง-มีปัญหาทุจริต
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดประชุมชี้แจงแนวทางการฟื้นฟูกิจการและการปฏิบัติของเจ้าหนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายเชษฐ์ชฎิล กาญจนอุดมการ ผู้อำนวยการส่วนกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีล้มละลาย กรมบังคับคดี ชี้แจงขั้นตอนปฎิบัติต่างๆให้กับตัวแทนเจ้าหนี้สหกรณ์ฯ 85 แห่ง ซึ่งถือหุ้นกู้บริษัท การบินไทย มูลค่ารวม 4.3 หมื่นล้านบาท รับทราบ
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างเปิดการประชุมฯ ว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เชิญสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้หุ้นกู้บริษัท การบินไทย เข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของสหกรณ์ว่าจะเป็นอย่างไร โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมบังคับคดีทำหน้าที่ชี้แจงขั้นตอนตามกฎหมายล้มละลาย ส่วนการตัดสินใจว่าจะดำเนินการในแนวทางใดนั้น จะขึ้นอยู่กับทางสหกรณ์เจ้าหนี้และสมาชิก
“ตัวแทนสหกรณ์ฯที่รับฟังการชี้แจงวันนี้ จะต้องไปชี้แจงกับสมาชิกสหกรณ์ด้วย และเราได้เน้นย้ำไปว่า จะต้องไม่มี 10 คน พูดอย่างนี้ อีก 20 คน พูดอย่างนี้ จะต้องพูดในแนวทางเดียวกัน เพราะถ้าเจ้าหนี้ 4 หมื่นล้านบาท รวมตัวกันจะมีพลังมาก แต่ถ้าแตกออกไป หรือทะเลาะกันข้างใน พลัง 4 หมื่นล้านของคุณจะไม่สำเร็จเลย โดยที่ให้กรมบังคับคดีเข้ามาชี้แจงว่า ถ้าทำแบบนี้ จะได้แบบนี้ ก็เพื่อการดำเนินการของสหกรณ์ฯเป็นไปแนวทางเดียวกัน” น.ส.มนัญญากล่าว
น.ส.มนัญญา ยืนยันว่า ปัจจุบันฐานะของสหกรณ์ฯเจ้าหนี้หุ้นกู้บริษัท การบินไทย ทั้ง 85 แห่ง มีความมั่นคงและสถานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หากสหกรณ์มีเงิน 100 บาท แล้วเงินหายไป 5 บาท แม้ว่าจะไม่สะเทือนอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเงินของสหกรณ์อยู่ดี และหากผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย ต้องการให้สหกรณ์ลดยอดหนี้หุ้นกู้ลง จะต้องมีเหตุผล แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าการลดหนี้หุ้นกู้ที่สหกรณ์ถืออยู่นั้น คงจะฟังไม่ได้และไม่น่าจะเกิดขึ้น
“จะถูกแฮร์คัทหนี้หรือไม่ เราไม่รู้จริงๆ แต่หนี้ของสหกรณ์ ก็คือหนี้สหกรณ์ ใครจะมาลดยอดหนี้ ต้องมีเหตุและผล ถ้าลดดอกเบี้ยยังน่าฟังได้ แต่ถ้าลดหนี้คงจะฟังไม่ได้ ถ้าเดิมดอกเบี้ยจะได้ปีละ 500 ล้านบาท ถ้าลดเหลือ 300 ล้านบาท อาจพอฟังได้ แต่ถ้ามียอดหนี้อยู่ 4.2 หมื่นล้านบาท แล้วจะลดหนี้ลงไปจะต้องมีเหตุและผล ซึ่งคิดว่าปัญหาอย่างนี้ไม่น่าจะเกิด แต่สุดท้ายไม่มีใครทราบว่าจะเป็นอย่างไร คือ เราไม่สามารถไปก้าวล่วงเรื่องของศาลฯได้” น.ส.มนัญญาย้ำ
น.ส.มนัญญา ยังระบุว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียน ตั้งคณะทำงานตรวจสอบสหกรณ์ใหญ่ๆที่คาดว่าจะมีการไม่ซื่อสัตย์ในสหกรณ์นั้นๆ หรือเกิดปัญหา โดยเบื้องต้นมีสหกรณ์ขนาดใหญ่ที่จะเข้าไปตรวจสอบ 7 แห่ง ขณะที่การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อห่วงใยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์จะรายงานคืบหน้าในการดำเนินการต่างๆให้พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบทุกเดือน
“เราจะเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์ขนาดใหญ่ แต่บอกไม่ได้ว่ามีที่ใดบ้าง ซึ่งมีประมาณไม่เกิน 7 สหกรณ์ โดยเราจะตรวจสอบรายใหญ่ก่อน และจะใช้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางลงไปดู” น.ส.มนัญญากล่าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ฯเจ้าหนี้หุ้นกู้บริษัท การบินไทย 85 แห่ง ซึ่งมีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน ได้จัดตั้งคณะทำงานติดตามแก้ปัญหาหุ้นกู้ บริษัท การบินไทย โดยคณะทำงานดังกล่าวมีตัวแทนสหกรณ์เจ้าหนี้ 7 แห่ง และตัวแทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ร่วมเป็นคณะทำงานฯ ซึ่งการประชุมคณะทำงานฯเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติใน 4 ประเด็น ได้แก่
1.คณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาหุ้นกู้บริษัท การบินไทย ยืนยันรักษาผลประโยชน์ของขบวนการสหกรณ์อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสมาชิกสหกรณ์ 3 ล้านคน 2.การกำหนดแนวทางเจรจาต้องรอให้แผนฟื้นฟูกิจการมีความชัดเจนก่อน
3.ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) จะร่วมกับสสท. และที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เตรียมความพร้อมให้คำแนะนำกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในส่วนของสหกรณ์ผู้ลงทุนในหุ้นกู้บริษัท การบินไทย และ4.ชสอ.จะดำเนินการสำรวจข้อมูลเพื่อยืนยันจำนวนสหกรณ์ และเงินลงทุนในหุ้นกู้บริษัท การบินไทย
“ขอให้สมาชิกสหกรณ์มั่นใจในทิศทางและแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาหุ้นกู้ THAI เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์ไว้อย่างดีที่สุด”รายงานข่าวระบุ
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากเข้าฟังชี้แจงครั้งนี้แล้ว สหกรณ์ฯเจ้าหนี้หุ้นกู้บริษัท การบินไทย ทั้ง 85 แห่ง มูลหนี้รวม 4.3 หมื่นล้านบาท จะต้องไปหารือกันเองว่า ในขั้นตอนการเจรจาและการโหวตรับแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทยของ ‘ผู้ทำแผน’ นั้น จะมีใครเป็นผู้แทนฝ่ายเจ้าหนี้สหกรณ์บ้าง ซึ่งทราบว่าขณะนี้ชสอ.รับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับสหกรณ์ทั้งหมดแล้ว โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำหน้าที่ในฐานะพี่เลี้ยง
นายพิเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสหกรณ์ที่มีข้อบกพร่องหรือเกิดการทุจริต มีนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธาน มีหน้าที่ตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของสหกรณ์ที่มีข้อบกพร่องหรือเกิดปัญหาทุจริต โดยมุ่งเน้นไปที่สหกรณ์ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปก่อน ซึ่งมีประมาณ 150 แห่ง
“เราจะเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยง เช่น เอาเงินไปฝากที่โน่น ไปลงทุนที่นี่ ไปทำอะไรเกินตัว ไปทำอะไรนอกกรอบ ที่ทำให้สุ่มเสี่ยง หรือเป็นอันตรายต่อตัวเขาเอง ซึ่งวันนี้เป็นการเฝ้าระวัง เข้าไปสแกนว่ามีที่ไหนบ้าง เพื่อที่ว่าหากเกิดปัญหาขึ้น เราจะแก้ได้ทัน ทั้งนี้ ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์น่าจะรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง แต่สหกรณ์ที่เราจะไปตรวจนั้น ไม่ได้มีปัญหาทุจริต แต่เป็นกลุ่มที่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาแล้วจะกระทบกับสมาชิก กระทบกับความเชื่อมั่นของคน” นายพิเชษฐ์กล่าว
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/89322-THAI-Rehabilitation-bond.html