ต่อรองเหลือยูนิตละ 9,000 บาท! เบื้องหลัง ‘เอสเอสอี-พีเจดีซี’จ่าย 35.9 ล.หัวคิวบ้านเอื้อฯ

66

ซื้อที่ดินจากหม่อมราชวงศ์ ทรงเทวัญ – หม่อมหลวงกนิษฐา เทวกุล ! คดีบ้านเอื้ออาทรรายกิจการร่วมค้าเอสเอสอี-พีเจดีซี จ่ายหัวคิว 35.9 ล้าน แลก 4,000 หน่วย 2 โครงการ รังสิต คลอง 9 –พัทยา เบื้องหลังเจรจาต่อรองยูนิตละ 10,000 เหลือ 9,000 บาท โอนไปโอนมาหลายตลบ

คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา จำคุกนักการเมือง และ เอกชน 6 ราย กับให้ริบเงิน จำนวน 1,323,006,750 บาท ที่เอกชน 11 ราย ได้โอนเป็นค่าตอบแทน (ค่าหัวคิว) ให้แก่ นายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร ที่ปรึกษานายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งกำกับดูแลการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เจ้าของโครงการ

เงินที่ศาลฎีกาฯสั่งริบ จำนวน 1,323,006,750 บาท เป็นเงินที่มาจากการกระทําความผิด

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลพฤติกรรมกรรมในการจ่ายเงินของผู้รับเหมาให้แก่กลุ่ม นายอภิชาติ มารายงานแล้ว 7 ราย

กรณี กิจการร่วมค้า เอสเอสอี-พีเจดีซี (รายที่ 8) นั้นในคำพิพากษาระบุว่า มีการมอบเงินให้จากการกระทําความผิดก้อนแรก 4,000,000 บาท และมอบเพิ่มอีก 2 ครั้ง 10,300,000 บาท และ ครั้งที่สาม 21,630,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,930,000 บาท มาดูรายละเอียดกัน

กรณีตามฟ้องข้อ 2.4 รายกิจการร่วมค้าเอสเอสอี-พีเจดีซี มีนายนิมิตร กิตติชัยวงศ์ เป็นกรรมการ เมื่อประมาณกลางปี 2548 นายนิมิตรได้ไปพบนางปิยะศิริ นาโคศิริ เลขานุการ โครงการขนาดใหญ่ ต่อมาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 กิจการร่วมค้าฯ ได้ยื่นข้อเสนอจัดทํา โครงการจํานวน 4,000 หน่วย เป็นโครงการรังสิต คลอง 9 จํานวน 1,360 หน่วย และโครงการ พัทยา (หนองปรือ) จํานวน 2,051 หน่วย ในระหว่างที่นายนิมิตรดําเนินการติดต่อการเคหะแห่งชาติ ได้ทราบว่าหากจะให้โครงการได้รับการอนุมัติหน่วยจะต้องติดต่อจําเลยที่ 4 (นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) นายนิมิตรจึงไปพบ จําเลยที่ 4 (นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) ที่บริษัทจําเลยที่ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด) หลังจากนั้นจําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) เป็นผู้ประสานงานและต่อรองค่าใช้จ่ายในการ ผลักดันโครงการ ในที่สุดกรรมการของกิจการร่วมค้าฯ สามารถต่อรองค่าใช้จ่ายจากหน่วยละ 10,000 บาท เป็นหน่วยละ 9,000 บาท เมื่อตกลงค่าใช้จ่ายได้แล้ว คณะกรรมการพิจารณา กลั่นกรองโครงการซึ่งมีจําเลยที่ 2 (นายมานะ วงศ์พิวัฒน์) เป็นประธานก็ได้เห็นชอบจํานวนหน่วยให้กิจการร่วมค้าฯ ดําเนินงานได้ 4,000 หน่วย

วันที่ 17 มกราคม 2549 กิจการร่วมค้าฯ ได้ทําสัญญากับการเคหะแห่งชาติ ต่อมาการเคหะแห่งชาติเสนอจํานวนหน่วยพร้อมด้วยจํานวนเงินล่วงหน้าให้จําเลยที่ 1 (นายวัฒนา เมืองสุข) และ ที่ 3 (นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์) พิจารณา จําเลยที่ 1 (นายวัฒนา เมืองสุข) และที่ 3 (นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์) เห็นชอบกับจํานวนหน่วยและจํานวนเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าแล้วจึงแจ้งนางอาภรณ์ จันทรา ว่า ให้กิจการร่วมค้าฯ เบิกเงินล่วงหน้าเป็นเงิน 84,000,000 บาท สําหรับ จํานวนหน่วย 4,000 หน่วย สําหรับที่ดินเพื่อทําโครงการ กิจการร่วมค้าฯ ได้ซื้อจากหม่อมราชวงศ์ ทรงเทวัญ เทวกุล และหม่อมหลวงกนิษฐา เทวกุล ครั้นต้นเดือนมีนาคม 2549 กิจการร่วมค้าฯ ได้เสนอรูปเล่มโครงการต่อนางปิยะศิริ ต่อมาอีกประมาณ 3 วัน คณะกรรมการสรรหาที่ดินที่มีนายพิทยา เจริญวรรณ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และนางปิยะศิริ กับคณะกรรมการสรรหาที่ดินจึงไปดูที่ดินที่จะใช้ทําโครงการบ้านเอื้ออาทร รังสิต คลอง 9 และเห็นว่าเหมาะสม ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินล่วงหน้า จําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ได้เร่งรัดขอเงินจํานวนแรกก่อน วันที่ 17 มกราคม 2549 นายนิมิตรและ นายจอห์นริน ผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทพีเจดีซี จํากัด เดินทางไปพบจําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ และมอบเงินให้จํานวน 4,000,000 บาท หลังจากนั้นการเคหะแห่งชาติจ่ายเงิน ล่วงหน้า 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 26 เมษายน 2549 จํานวน 83,214,953.23 บาท และครั้งที่ 2 วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จํานวน 80,274,953.23 บาท

เมื่อได้รับเงินล่วงหน้าแต่ละจํานวนแล้ว จําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ติดตามทวงถามเงินส่วนที่เหลือจากนายนิมิตรหลายครั้ง วันที่ 4 พฤษภาคม 2549 นายนิมิตรสั่งจ่ายเช็คเงินสด จํานวน 10,300,000 บาท แล้วนําไปมอบให้จําเลยที่ 4 (นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) และที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ที่ บริษัทจําเลยที่ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด) เช็คดังกล่าวนําไปเรียกเก็บเข้าบัญชีจําเลยที่ 6 (นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว) แล้วถอนเงินสดไปเข้าบัญชีจําเลยที่ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด)

สําหรับเงินส่วนที่เหลือเมื่อกิจการร่วมค้าฯ ได้รับเงินล่วงหน้าแล้ว จําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ได้เร่งรัดให้นายนิมิตร รีบชําระเงินส่วนที่เหลือให้ครบถ้วนตามที่ตกลง นายนิมิตรจึงได้ให้นางสาวมาริสา ทิพย์วังเมฆ ภรรยา ของตนซึ่งเป็นกรรมการบริษัทเอสเอสอี จํากัด ออกเช็คเงินสด ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 จํานวน 21,630,000 บาท แล้วนายนิมิตรนําเช็คไปมอบให้จําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ที่ห้องประชุมของบริษัทจําเลยที่ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด) โดยแจ้งจําเลยที่ 5 (นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง) ว่า เงินยังไม่เข้าบัญชี แต่ต้องออกเช็คให้ก่อนตามที่เร่งรัด ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม 2549 นางสาวมาริสาแจ้งนายนิมิตรว่ามีเงินเข้าบัญชีของตนแล้ว 28,314,000 บาท นายนิมิตรจึงโทรศัพท์บอกจําเลยที่ 4 (นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร)ให้นําเช็คขึ้นเงินได้ เช็คฉบับ ดังกล่าวนําไปเรียกเก็บเข้าบัญชีเงิน ฝากจําเลยที่ 6 (นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว) หลังจากนั้นวันที่ 12 กรกฎาคม 2549 จําเลยที่ 6 (นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว) ถอนเงินจากบัญชี 3 รายการ คือ

รายการที่ 1 ถอนเงินสด 878,922 บาท

รายการที่ 2 ถอนเงินไปเข้าบัญชีจำเลยที่ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด) จำนวน 10,854,228 บาท และ

รายการที่ 3 ถอนเงินไปชำระหนี้เพื่อโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 4 (นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) จำนวน 9,896,850 บาท

คดีนี้มีจำเลย 14 ราย ได้แก่ นายวัฒนา เมืองสุข ที่ 1 ,นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ ที่ 2 ,นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ ที่ 3 ,นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ 4 ,นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง ที่ 5,นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว ที่ 6 ,นางสาวรุ่งเรือง ขุนปัญญา ที่ 7 ,บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จํากัด ที่ 8 ,บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จํากัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนล คอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด) ที่ 9 ,นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ 10 ,บริษัทพาสทิญา ไทย จํากัด ที่ 11 ,บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จํากัด ที่ 12 ,บริษัท พรินซิพเทค ไทย จํากัด ที่ 13 ,นางสาวสุภาวิดาหรือกัญญ์ปภัส คงสุข หรือ คงสุขถิรทรัพย์ ที่ 14

Cr : https://www.isranews.org/article/isranews/94719-investigative-6.html

- Advertisement -