“…ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ตอบโจทย์ได้ เพราะหนึ่งในหัวใจสำคัญของร่างนี้คือการทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเกิดความเป็นธรรมยิ่งขึ้น โดยออกแบบสร้างระบบคะแนนประจำตัวให้นายตำรวจทุกคน ถ่วงน้ำหนักระหว่างอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจของประชาชน ในอัตราส่วน 45 – 25 – 30 ทุกคนจะมีคะแนนประจำตัวเรียงลำดับไว้ ระบบนี้จะทำให้การวิ่งเต้นเสนออามิสตอบแทนเป็นไปได้ยากขึ้น แม้ไม่หมดไปแต่ก็น่าจะน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ…”
ถ้าจะให้เลือกขออะไรสักอย่างจากท่านนายกรัฐมนตรีในช่วงปีใหม่ 2564 นี้
จะเลือกขอเรื่องปฏิรูปตำรวจ
ขอให้คณะรัฐมนตรีเร่งส่งร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ (ฉบับท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์) มายังรัฐสภาให้ทันพิจารณาวาระ 1 ภายในสมัยประชุมนี้ที่จะปิดลงในวันที่ 28 ก.พ. 2564 นั่นหมายถึงว่าจะต้องส่งเข้ามาตั้งแต่ภายในกลางเดือนมกราคม 2564 จึงจะพอมีโอกาสได้บรรจุระเบียบวาระพิจารณาได้ทัน แม้จะยาก เพราะโควิด-19 กลับมาระบาดรุนแรกอีกครั้ง แต่ก็ต้องขอกันอย่างตรงไปตรงมาเพราะนี่คือรากฐานสำคัญของการปฏิรูปประเทศ
เราต้องการให้กฎหมายเป็นกฎหมายใช่มั้ย ?
เราต้องการให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพใช่มั้ย ?
เราต้องการให้ประชาชนทุกคนทุกหมู่เหล่าทุกสถานะได้รับบริการทางกฎหมายและคดีความอย่างเท่าเทียมกันมากที่สุดใช่มั้ย ?
เราไม่ต้องการได้ยินประโยคที่พูดต่อ ๆ กันมาว่า ‘เมียทหารนับขวด-เมียตำรวจนับแบงก์’ หรือ ‘ทหาร-นายเลี้ยงลูกน้อง ตำรวจ-ลูกน้องเลี้ยงนาย’ อีกแล้วใช่มั้ย ?
เราไม่ต้องการเห็นคดีความแบบ ‘บอส อยู่วิทยา’ ใช่มั้ย ?
เราไม่ต้องการได้ยินวาทะประมาณว่า ‘ที่นี่ไม่มีบ่อนมีแต่ลักลอบเล่นการพนัน’ ใช่มั้ย ?
ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ตอบโจทย์ได้ เพราะหนึ่งในหัวใจสำคัญของร่างนี้คือการทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเกิดความเป็นธรรมยิ่งขึ้น โดยออกแบบสร้างระบบคะแนนประจำตัวให้นายตำรวจทุกคน ถ่วงน้ำหนักระหว่างอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจของประชาชน ในอัตราส่วน 45 – 25 – 30 ทุกคนจะมีคะแนนประจำตัวเรียงลำดับไว้ ระบบนี้จะทำให้การวิ่งเต้นเสนออามิสตอบแทนเป็นไปได้ยากขึ้น แม้ไม่หมดไปแต่ก็น่าจะน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
พูดง่าย ๆ คือร่างนี้มุ่งขจัดและป้องกันการซื้อขายตำแหน่งที่มีข่าวกล่าวหากันมาตลอด
ด้วยหวังว่าเมื่อตำรวจเติบโตมีตำแหน่งไปตามอาวุโส ด้วยผลงาน ความรู้ความสามารถ และความพึงพอใจจากประชาชน ไม่ต้องเสียเวลาไปเอาใจนายเกินกว่าหน้าที่การงาน ไม่ต้องเสียเวลาไปวิ่งเต้นหรือให้ใครช่วยวิ่งเต้นให้ และแน่นอนว่าไม่ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อการได้มีตำแหน่งแห่งที่สำคัญ ๆ สังคมไทยก็จะได้ตำรวจที่มุ่งทุ่มเททำงานตามตำแหน่งหน้าที่เป็นหลัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น
เพราะเมื่อไม่ตัองวิ่งเต้นไม่ต้องลงทุนกับตำแหน่ง ก็ไม่ต้องถอนทุน ธุรกิจสีดำหรือสีเทาก็จะดำรงอยู่ได้ยากยิ่งขึ้น เพราะจะไม่เป็นแหล่งสำหรัยถอนทุนอีกต่อไป
หัวใจสำคัญของร่างนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ง (4)
“มีหลักประกันว่าข้าราชการตำรวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้าย และการพิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน…”
ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ยังสร้างระบบใหม่รายล้อมการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยระบบถ่วงน้ำหนัก 45-25-30 อีกมากมายหลายประการที่เป็นการปฏิรูปใหญ่ อาทิ สร้างระบบการร้องเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยให้มีสัดส่วนคนนอกองค์กรตำรวจเข้ามามีส่วนร่วมพิจารณา การให้บอร์ดบริหารขององค์กรตำรวจมีสัดส่วนมาจากคนนอกองค์การมากขึ้น หรือแม้แต่ให้บอร์ดบริหารส่วนที่มาจากอดีตข้าราชการตำรวจที่มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจนั้นขยายผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงไปเป็นข้าราชการสัญญาบัตรทุกคนไม่ใช่เฉพาะจากผู้มีตำแหน่งระดับใดระดับหนึ่งขึ้นไปเท่านั้น
รวมทั้งให้ตำรวจสายสอบสวนมีสายงานบังคับบัญชาโดยเฉพาะของตนเอง
และให้กระจายอำนาจบางประการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานตำรวจแท้ออกไปให้องค์กรอื่นอย่างมีขั้นตอน
ฯลฯ
ยังมีอีกมากที่เคยเล่าสู่กันฟังไปหลายครั้งแล้วตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์แน่นอนว่าไม่สมบูรณ์ทั้งหมด แต่หลักการพื้นฐานโอเค ก็ให้เข้ามาพิจารณาแก้ไขกันในชั้นกรรมาธิการของรัฐสภา อย่าไปฆ่าตัดตอนกันแต่แรก ด้วยการส่งร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับแปลงสารเข้ามา
ขอแค่นี้แหละครับท่านนายกรัฐมนตรี
คำนูณ สิทธิสมาน
สมาชิกวุฒิสภา
3 มกราคม 2564
ที่มา : Facebook Kamnoon Sidhisamarn
Cr : https://www.isranews.org/article/isranews-article/94715-isra-18.html