พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อม นางกฤติกา คงสมพงษ์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก ใส่หน้ากากสีเหลืองลายหัวใจ ระหว่างร่วมพิธีจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 42 พรรษา 3 ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยพลเอกอภิรัชต์ ให้สัมภาษณ์ ถึงพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมระบุถึงหน้ากากอนามัยผ้าที่สวมใส่ว่า “ท่านพระราชทานมา”
ทั้งนี้ในช่วงเช้า พล.อ.อภิรัชต์ เป็นประธานนำคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง คณะแม่บ้านทหารบก และกำลังพลภายในบก.ทบ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 42 พรรษา 3 มิถุนายน 2563 ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จากวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร จำนวน 20 รูป บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ และกิจกรรมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ อีกทั้งได้จัดสถานที่ให้กำลังพล รวมถึงประชาชนทั่วไปได้ลงนามถวายพระพร
พล.อ.อภิรัชต์ นำกล่าวถวายราชสักการะ และถวายพระพรชัยมงคลว่า กองทัพบกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเป็นอเนกประการด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ และพระปรีชาสามารถพระราชจริยวัตรอันงดงาม ทั้งได้ตั้งพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ในการทรงงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริการทรงงาน เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากความเดือดร้อนของประชาชน โดยฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระราชหฤทัยห่วงใยอาณาราษฎร พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายประเภท สำหรับโรงพยาบาลในประเทศไทย พร้อมกับพระราชทานถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบความยากลำบาก นอกจากนี้ได้ทรงเย็บหน้ากากผ้าพระราชทานแก่บุคคลสำคัญของประเทศ ข้าราชบริพาร บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคระบาดนี้ รวมทั้งได้พระราชทานโครงการฟาร์มตัวอย่างๆ ต้านภัยโควิด 19 โดยพระราชทานพระราชานุญาตให้นำที่ดินในโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน 30 แห่งทั่วประเทศมาใช้ในการสนับสนุนการจ้างงาน พร้อมกับการให้ความรู้ในด้านการเกษตรทฤษฎีใหม่แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ต้องเดินทางกลับไปอยู่ภูมิลำเนา เพื่อให้เกิดอาชีพมีรายได้หาเลี้ยงครอบครัว
จากนั้นพล.อ.อภิรัชต์ให้สัมภาษณ์ว่า พระองค์ท่านทรงมีพระจริยวัตร และพระปรีชาสามารถด้านการทหาร ทรงศึกษาและสืบสานโครงการต่างๆต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่สำคัญทรงปฏิบัติภารกิจตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทั้งนี้สมเด็จพระราชินีฯทรงพัฒนาขีดความสามารถด้านการทหารมาโดยตลอด อาทิ ราชวัลลภเริงระบำ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความสามารถเป็นเรื่องที่ยากที่สุดและเคยผ่านสายตาของประชาชนมาแล้ว
“จะเห็นได้ว่าทุกงานที่พระองค์เสด็จร่วมงานทรง เป๊ะ ขนาดพระองค์ท่านเป็นสมเด็จพระราชินี ดังนั้นทหารทั้งผู้หญิงและผู้ชายควรยึดเป็นแบบอย่าง เพราะความที่พระองค์ท่านเป๊ะ ทรงดูแลพระวรกาย ยึดถือวินัยทหาร ถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับข้าราชการ ส่วนบทบาทการทำหน้าที่เป็นราชองครักษ์ทรงถวายงานทุกครั้งที่เสด็จตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมทั้งพระองค์ยังทรงผลิตหน้ากากอนามัยให้กับทางแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ให้สู้กับไวรัสโควิด-19ด้วย“ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
สำหรับพระราชประวัติด้านการศึกษาและทรงงาน ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พ.ศ. 2543 ทรงเคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท แจลเวย์ จำกัด เมื่อปี 2543-2546 ทรงเคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2546 -2551 เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2562 ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินีสุทิดา และเมื่อวันที่ 4พ.ค.2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
ทั้งนี้ทรงสำเร็จหลักสูตรด้านการบิน ได้แก่ พ.ศ.2553 ส่งสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของหน่วยฝึกการบินพลเรือนกองทัพอากาศทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ Cessna T 41 พ.ศ.2554 ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรศิษย์การบินทหารบกอากาศยานปีกติดลำตัว ชั้นมัธยม ของโรงเรียนการบินทหารบก พ.ศ.2555 ทรงสำเร็จการฝึกและศึกษาตามหลักสูตรการบินของโรงเรียนการบินกองทัพอากาศ,ทรงทำการบินกับเครื่องบินแบบ CT-4 E และ PC-9 เสด็จไปฝึกและศึกษาการบินเพิ่มเติม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ,ทรงผ่านการทดสอบและได้รับใบอนุญาตนักบินของสหภาพยุโรป ซึ่งออกไปอนุญาตโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี,ทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ปัจจุบันปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วยทำการทำการบินเครื่องบินพระราชพาหนะ โบอิ้ง 737-400 และโบอิ้ง 737-900
สำหรับหลักสูตรการอบรมด้านการทหาร ดังนี้ ปีพ.ศ.2553 ทรงสำเร็จการฝึกหลักสูตรวิชาทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ของโรงเรียนและศูนย์ฝึกหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ พ.ศ.2554 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายร้อย-ชั้นนายพัน หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ พ.ศ.2556 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่91 พ.ศ.2557 ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำวิทยาลัยการทัพบก ชุดที่59 พ.ศ.2559 ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรส่งทางการอากาศ ของโรงเรียนสงครามพิเศษศูนย์สงครามพิเศษ ทรงสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรส่งทางอากาศนาวิกโยธินของโรงเรียนทหารนาวิกโยธิน ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตร Combat Qualifying Course Jungle Warfare หน่วยทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ ทรงสำเร็จหลักสูตรการยิงปืนพกการในระบบต่อสู้ภายใต้สภาวะกดดันของกองบังคับการปราบปราม พร้อมกันนี้ทรงเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง