“…ค่าตอบแทนจากส่วนแบ่งรายได้นั้น กำหนดตัวเลขอยู่ที่ 35% ต่อการเช่ารถจำนวน 1 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีการคิดค่าบริการอยู่ที่ 300 บาท/ชม. ถ้าเช่า 2 ชม. จะอยู่ที่ 500 บาท เมื่อคำนวณรายได้ทั้งหมดแล้ว สวนสัตว์จะมีรายได้ส่วนนี้โดยประมาณ 3-3.5 ล้านบาท ต่อปี โดยไม่เราไม่ต้องลงทุนอะไรตามระยะเวลาในสัญญาประมาณ 3 ปี คาดการณ์รายได้ทั้งหมดในช่วง 3 ปี จะอยู่ที่ตัวเลข 10 กว่าล้านบาท…”
จากการสืบค้นฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างในเว็บไซต์ สวนสัตว์ 5 แห่ง ได้แก่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์ขอนแก่น
พบข้อมูลในส่วนของ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2563 สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้ประกาศรายชื่อให้ บริษัท มาร์แชล ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้เช่าพื้นที่ภายในสวนสัตว์ฯ เพื่อประกอบกิจการเชิงธุรกิจ บริการให้เช่ารถกอล์ฟไฟฟ้า
แต่ในประกาศไม่ได้ระบุรายละเอึยดค่าตอบแทนการให้เช่าพื้นที่เพื่อทำธุรกิจนี้แต่อย่างใด
คือ ข้อมูลที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบเกี่ยวกับประเด็นตรวจสอบการจัดหาเอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ภายในสวนสัตว์ของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เพื่อประกอบกิจการต่างๆ ที่ถูกคนในองค์การสวนสัตว์วิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า ทำให้สวนสัตว์ต้องเสียประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ที่ได้รับตอนแทนซึ่งมีจำนวนน้อยเกินไปไม่คุ้มค่า และมีเอกชนบางรายที่ผูกขาดการทำธุรกิจต่อเนื่องมายาวนานหลายปี ตามที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับคำชี้แจงเป็นทางการจากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยมาเมื่อเร็วๆ นี้
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง นายอรรถพร ศรีเหรัญ อดีตผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่ทำเรื่องขอลาออกจากตำแหน่ง และมีผลเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการคัดเลือก บริษัท มาร์แชล ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้เช่าพื้นที่ภายในสวนสัตว์ฯ เพื่อประกอบกิจการเชิงธุรกิจ บริการให้เช่ารถกอล์ฟไฟฟ้า ดังกล่าว
นายอรรถพร ชี้แจงว่า ในการทำสัญญาเช่าพื้นที่ภายในสวนสัตว์ฯ เพื่อประกอบกิจการเชิงธุรกิจ บริการให้เช่ารถกอล์ฟไฟฟ้า นั้น บริษัท มาร์แชล ประเทศไทย จำกัด ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว 2 ส่วน คือ 1. ค่าเช่าสถานที่เดือนละประมาณ 2-3 หมื่น 2. ค่าตอบแทนจากส่วนแบ่งรายได้ในอัตรา 35 % ต่อการเช่ารถจำนวน 1 ครั้ง
“ผมยืนยันว่าสวนสัตว์เขาเขียวได้รับประโยชน์อย่างมาก จากสัญญาให้บริการเช่ารถกอล์ฟไฟฟ้าดังกล่าว โดยการเช่าสถานที่นั้น เอกชนจะต้องเข้ามาลงทุนทำโรงจอดรถอาคารสถานที่เอง คิดเป็นค่าใช้จ่ายเป็นวงเงินหลายสิบล้านบาทให้กับสวนสัตว์ ส่วนค่าตอบแทนจากส่วนแบ่งรายได้นั้น กำหนดตัวเลขอยู่ที่ 35% ต่อการเช่ารถจำนวน 1 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีการคิดค่าบริการอยู่ที่ 300 บาท/ชม. ถ้าเช่า 2 ชม. จะอยู่ที่ 500 บาท เมื่อคำนวณรายได้ทั้งหมดแล้ว สวนสัตว์จะมีรายได้ส่วนนี้โดยประมาณ 3-3.5 ล้านบาท ต่อปี โดยไม่เราไม่ต้องลงทุนอะไรตามระยะเวลาในสัญญาประมาณ 3 ปี คาดการณ์รายได้ทั้งหมดในช่วง 3 ปี จะอยู่ที่ตัวเลข 10 กว่าล้านบาท ”
นายอรรถพร ชี้แจงต่อว่า ในการจัดหาเอกชนเข้ามาประกอบกิจการเชิงธุรกิจบริการให้เช่ารถกอล์ฟไฟฟ้า ที่มีการประกาศผลเป็นทางการในช่วงเดือน เม.ย.2563 ที่ผ่านมา มีเอกชน 2 รายที่ยืนข้อเสนอราคาแข่งขันงานกัน เอกชนรายแรกเป็นผู้ประกอบการเจ้าเดิม ที่เช่าพื้นที่สวนสัตว์ทำธุรกิจประเภทนี้มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว อีกรายคือ บริษัท มาร์แชล ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่
“ผู้ประกอบการเจ้าเดิมเสนออัตราค่าตอบแทนส่วนแบ่งอยู่ที่ 25% ซึ่งเป็นราคาเดิมที่เคยทำมา จึงทำให้แพ้ไป และขอยืนยันว่าการดำเนินงานคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทำธุรกิจประเภทนี้เป็นไปตามขั้นตอนสวนสัตว์อย่างเคร่งครัด”
นายอรรถพร ยังระบุด้วยว่า เกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ภายในสวนสัตว์ฯ เพื่อประกอบกิจการเชิงธุรกิจบริการให้เช่ารถกอล์ฟไฟฟ้า นั้น ทำกันมานานเป็น 10 ปีแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนผู้ประกอบการที่เข้ามาเสนอตัวทำธุรกิจประเภทนี้ ก็เปลี่ยนตัวมาประมาณ 2-3 เจ้าแล้ว จนกระทั่งได้รายล่าสุด คือ บริษัท มาร์แชล ประเทศไทย จำกัด และมีการนำรถกอล์ฟไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการแล้ว
“ผมว่าจริงๆ แล้วต้องเห็นใจบริษัทมาร์แชลฯ นะ เพราะหลังจากลงนามในสัญญาไม่นาน ก็เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการสวนสัตว์จึงมีไม่มากนัก ไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องรายได้ที่ต้องแบ่งให้สวนสัตว์ฯหรือไม่ แต่สัญญากำหนดไว้อย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น”
ส่วนโครงการเพื่อการศึกษาและนันทนาการ (Fight of Gibbon) ภายในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว สัญญา ระยะเวลา 20 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2571 ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โครงการลงทุนร่วมกับภาคเอกชนที่มีระยะเวลาเกิน 3 ปี ขององค์การสวนสัตว์นั้น
นายอรรถพร ให้ข้อมูลว่า โครงการนี้เป็นการร่วมลงทุนกับบริษัท Flight of the gibbon ที่มีแนวคิดขยายธุรกิจมาลงทุนในสวนสัตว์ภาคตะวันออกของไทย โดยบริษัทเข้ามาลงทุนในส่วนของโครงสร้างกิจกรรมที่เป็นรูปแบบการผจญภัยทั้งหมด และแบ่งเงินรายได้ให้ในอัตรา 50 บาท ต่อนักท่องเที่ยว 1 ราย การันตีรายได้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจำนวน 5 หมื่นราย หมายความว่า ถ้าปีไหนจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ครบจำนวน 5 หมื่นราย รายได้ส่วนที่ขาดไปบริษัทก็จะต้องควักเงินจ่ายให้กับสวนสัตว์แทน
“โครงการนี้ ในช่วง 4-5 ปีแรก ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมาก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มมีจำนวนลดลง บริษัทก็มาติดต่อสวนสัตว์เพื่อขอปรับแก้ไขสัญญาทุกปี แต่สวนสัตว์ก็ไม่สามารถปรับแก้อะไรให้ได้ เพราะเป็นเงื่อนไขในสัญญาระบุไว้ชัดเจนแล้ว ก็ต้องปฎิบัติตามนั้นเช่นกัน ซึ่งที่ช่วยได้ก็คือเรื่องการให้ผ่อนชำระเงินที่ค้างอยู่พร้อมดอกเบี้ย แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีปัญหาเรื่องขอเลิกสัญญาจากบริษัทหรือไม่”
เมื่อถามว่า ในการเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่เพื่อทำธุรกิจประเภทต่างๆ ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เคยมีปัญหาร้องเรื่องการผูกขาดเช่าพื้นที่ทำธุรกิจหรือไม่ นายอรรถพร ตอบว่า “ไม่ได้มีปัญหาถูกร้องเรียนอะไร จะมีก็แต่ในส่วนของการเช่าพื้นที่ทำขายอาหารที่เมื่อหลายปีก่อน มีเอกชนรายใหญ่เข้ามาเช่าพื้นที่ยาวนานหลายปี จนทำให้ถูกมองว่ามีการผูกขาดพื้นที่เช่า แต่เราก็ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาใหม่ โดยนำพื้นที่กลับคืนมา และเปิดให้พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กๆ หรือคนในชุมชนใกล้เคียงเข้ามาเช่าพื้นที่ขายของ ซึ่งก็ถือเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนใกล้เคียงสวนสัตว์ได้มีอาชีพทำกินไปอีกทางหนึ่งด้วย”
นายอรรถพร ศรีเหรัญ ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า ส่วนการทำเรื่องขอลาออกจากตำแหน่งของตน ซึ่งมีผลเป็นการทางเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นความตั้งใจของตนที่อยากจะพักจากงานสวนสัตว์ และไปทำธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว ไม่ได้มีปัญหาเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับการทำงานในตำแหน่ง ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ในช่วงที่ผ่านมาแต่อย่างใด
หมายเหตุ : ภาพประกอบเรื่องจาก เฟซบุ๊ก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow
Cr : https://www.isranews.org/article/isranews/93891-investigative06.html