“….สินค้าจะต้องมีการรับประกันสินค้าเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 24 เดือน ซึ่งในระยะเวลารับประกัน ถ้าหากพบข้อผิดพลาดเกี่ยวกับสินค้า ผู้ขายจะต้องเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ตามคำร้องขอของผู้ซื้อ ถ้าหากพบว่ามีกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถจะจัดส่งสินค้าตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาได้ ผู้ขายจะต้องคืนเงินเต็มจำนวนให้กับผู้ซื้อภายในระยะเวลา 96 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ขายไม่ได้คืนเงินให้กับผู้ซื้อเต็มจำนวนในช่วงเวลาที่กำหนด ผู้ขายจะต้องเป็นหนี้กับผู้ซื้อในอัตรา 0.005 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนต่อวัน โดยผู้ขายมีภาระที่จะต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันที่มีการร้องขอของผู้ซื้อ….”
ประเด็นตรวจสอบการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่ากว่า 112,500 ล้านบาท ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ในตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข้อสังเกตกระบวนการทำสัญญาซื้อขายสินค้าถุงมือยาง ระหว่าง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในสหรัฐอเมริกา เป็นเอกชนรายแรก ที่เข้ามาติดต่อขอซื้อสินค้าถุงมือยางกับ อคส. จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคา 230 บาทต่อกล่อง มูลค่าสินค้ารวม 115,000,000,000 บาท ก่อนที่ อคส.จะไปลงนามในสัญญาสั่งซื้อถุงมือยางจาก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด วงเงิน 112,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการทำสัญญาซื้อค้าสินค้าถุงมือยางดังกล่าว มานำเสนอไปแล้ว
ต่อไปนี้ คือ เนื้อหาในสัญญาซื้อขายสินค้าถุงมือยาง ระหว่าง KRENEK LAW OFFICES, PLLC กับ อคส. ฉบับเต็ม ที่มีจำนวน 3 หน้า แปลเรียบเรียงเป็นภาษาไทย ได้ดังต่อไปนี้
สัญญาทำขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2563 ระบุว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มีข้อตกลงภายใต้เงื่อนไขกับบริษัท KRENEK LAW OFFICE PLLC ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าและมีที่ตั้งอยู่ที่ 21555 Provincial Blvd Katy Texas 77450
โดยมีตัวแทนบริษัท คือ นาย Abdulla Pathan
สำหรับรายละเอียดสินค้า ได้แก่ ถุงมือยางไนไตรล์ (ถุงมือยางแบบไร้แป้ง) ยี่ห้อการ์เดี้ยนโกลฟ ยี่ห้อเมดแคร์ และยี่ห้อโมโม่โกลฟ
ทั้งนี้ ในการซื้อขายได้มีการแนบเอกสารรับของ ISO 13485 เอกสารรับรององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) และเอกสารรับรองถุงมือสำหรับป้องกันงานการแพทย์. EN455 เอกสารรูปกล่องสินค้าและเอกสารที่จำเป็นอื่นๆ โดยมีการจัดซื้อ 500 ล้านกล่อง ซึ่งใน 1 กล่องจะมีถุงมือทั้งสิ้น 100 ชิ้น ขนาดตั้งแต่ S,M,L และ XL คิดราคาต่อกล่องทั้งสิ้น 230 บาทต่อกล่อง โดยเป็นราคาเงื่อนไขการส่งสินค้ากันที่ท่าเรือแหลมฉบัง ราคารวมทั้งสิ้น 1.15 แสนล้านบาท (115,000,000,000.00 บาท)
สำหรับรายละเอียดการส่งสินค้านั้นจะมีการส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์แรกในระยะเวลา 45-60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้มีการรับเงิน และหลังจากเซ็นสัญญาซื้อขาย และจะมีการส่งสินค้าตู้ที่ 2 ในระยะเวลา 60 วันหลังจากการส่งสินค้าตู้แรก ซึ่งการส่งสินค้านั้นอาจจะมีความล่าช้าออกไปเนื่องจากสภาพอากาศและสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 และจะต้องมีการจ่ายเงินกันโดยธนาคารซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ผู้ขายยอมรับได้
สำหรับข้อผูกมัดนั้น ผู้ขายสามารถยึดเงินผู้ซื้อจำนวนหนึ่งไว้ได้และมีสิทธิตามสัญญาถ้าหากพบว่าผู้ซื้อนั้นไม่ทำตามสัญญาการซื้อขาย ส่วนเรื่องของการรับประกันผู้ขายนั้นมีความรับผิดชอบที่จะเปลี่ยนสินค้าถ้าหากพบว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งประเด็นเรื่องคุณภาพสินค้านั้นจะต้องเป็นที่ยอมรับด้วยกันของทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิ ภาษี ค่าใช้จ่ายที่ท่าเทียบเรือนั้นจะต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้ซื้อ
โดยถ้าหากมีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายในสัญญาไม่สามารถที่จะหาจุดยุติข้อพิพาทได้ภายในระยะเวลา 30 วันนับ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็จะต้องมีการนำเรื่องพิพาทที่ว่านั้นไปหาข้อยุติกันที่สถาบันอนุญาโตตุลาการให้เป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
โดยสัญญาฉบับนี้จะมีผลทันทีเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายได้เซ็นลงนามไป และสัญญาใดๆที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เคยกระทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็จะไม่มีผลหลังจากสัญญนี้เช่นกัน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของสัญญานั้นจะกระทำได้ด้วยการลงนามและเห็นพ้องต้องกันของทั้ง 2 ฝ่ายและจะต้องกระทำต่อหน้าพยานซึ่งถูกแต่งตั้งโดยตัวแทนของทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2563
สำหรับเงื่อนไขอื่นๆนั้นระบุว่าสินค้าจะต้องมีการรับประกันสินค้าเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 24 เดือน ซึ่งในระยะเวลารับประกัน ถ้าหากพบข้อผิดพลาดเกี่ยวกับสินค้า ผู้ขายจะต้องเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ตามคำร้องขอของผู้ซื้อ ถ้าหากพบว่ามีกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถจะจัดส่งสินค้าตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาได้ ผู้ขายจะต้องคืนเงินเต็มจำนวนให้กับผู้ซื้อภายในระยะเวลา 96 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ขายไม่ได้คืนเงินให้กับผู้ซื้อเต็มจำนวนในช่วงเวลาที่กำหนด ผู้ขายจะต้องเป็นหนี้กับผู้ซื้อในอัตรา 0.005 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนต่อวัน โดยผู้ขายมีภาระที่จะต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันที่มีการร้องขอของผู้ซื้อ
ถ้าหากเกิดกรณีที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ขายไม่ได้ตามมาตรฐานของกรมศุลกากรประเทศไทยหรือสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ผู้ซื้อจะเป็นผู้ที่นำผลิตภัณฑ์ส่งคืนให้กับผู้ขายและผู้ขายจะต้องคืนเงินตามที่ระบุในสัญญา (ดูสัญญาประกอบ)
อนึ่งก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการทำสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่าง อคส.กับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ที่ส่อว่าจะมีปัญหาในขั้นตอนปฏิบัติหลายประการ
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หนึ่ง ในการเข้าทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง ระหว่าง อคส.กับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC จำนวน 500 ล้าน ราคากล่องๆละ 230 บาท เป็นราคาส่งถึงท่าเรือแหลมฉบัง แต่จากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไป เพื่อให้เอกชนได้แสดงคุณสมบัติและความสามารถทำการค้าในสินค้าถุงมือยางต่อ อคส. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในความคุ้มค่าและรักษาผลประโยชน์สูงสูงของหน่วยงานรัฐ
นอกจากนั้น KRENEK LAW OFFICES ยังไม่ได้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย แต่จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นหรือไม่ ไม่ปรากฎเอกสารยืนยัน เพราะไม่มีรายงานการขออนุมัติหรือกระบวนการใดได้บรรยายให้ทราบสถานะ
อีกทั้งผู้บริหาร อคส. ก็ไม่ได้ตรวจสอบอำนาจการก่อนิติสัมพันธ์ ของ KRENEK LAW OFFICES และมีข้อสังเกตว่า บุคคลที่ลงลายมือชื่อในเอกสารบนทึกข้อตกลงกับสัญญาขายในนามของ KRENEK LAW OFFICES เป็นบุคคลต่างกัน
สอง จากการตรวจสอบสาระในสัญญาก็มีลักษณะที่ไม่ได้มุ่งหวังให้มีการบังคับใช้ กล่าวคือ ในสัญญาขายถุงมือยางให้ กับ KRENEK LAW OFFICES ตกลงขายในราคา 230 บาทต่อกล่อง และเป็นราคาส่งสินค้าถึงท่าเรือแหลมฉบัง
เมื่อพิจารณาควบคู่กับสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่ตกลงในราคากล่องละ 225 บาท โดยตกลงส่งของที่คลังสินค้า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ 131/45 หมู่ที่ 11 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
ดังนั้น หากจะต้องส่งมอบของให้ KRENEK LAW OFFICES ตามสัญญา จะต้องมีการขนส่งเพื่อส่งมอบถุงมือยางในระยะทางกว่า 186 กม. ซึ่งราคาที่มีส่วนต่าง 5 บาท นั้น เมื่อนำค่าของขนส่งค่าใช้จ่ายอื่นเพื่อการขนส่งมาหักออกแล้ว จะทำให้ไม่เกิดผลกำไรจากการขายถุงมือยางให้ KRENEK LAW OFFICES
จากข้อมูลทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า การเข้าทำสัญญาขายที่ทราบโดยแน่ชัดว่า ไม่ได้กำไรจากการเข้าทำสัญญา จึงอาจจะเป็นลักษณะของการสร้างนิติกรรมสัญญาเพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการจัดซื้อถุงมือยาง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ไม่ต้องใช้วิธีคัดเลือก แต่ใช้วิธีต่อรองราคาตามระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการขัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2561 แทน
โดยข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการทำสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่าง อคส.กับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ที่ส่อว่าจะมีปัญหาในขั้นตอนปฏิบัติหลายประการดังกล่าว อคส. ได้มีการยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนเป็นทางการแล้ว
Cr : https://www.isranews.org/article/isranews/93543-Krenek063.html