China Focus : AI ปลุกกระแสกังวลในหมู่นักกฎหมาย หลังทนายอ้างอิง ‘คดีปลอม’ กลางชั้นศาล

    2

    ปักกิ่ง, 3 พ.ย. (ซินหัว) — เมื่อไม่นานนี้ เจิ้งจี๋เจ๋อ ผู้พิพากษาประจำศาลประชาชนเขตทงโจวในกรุงปักกิ่งของจีน ได้พบเจอกรณีทนายฝ่ายโจทก์อ้างอิงคำพิพากษาคดีความที่มีความน่าฉงนสงสัยระหว่างการพิจารณาข้อพิพาททางพาณิชย์ โดยตอนแรกการอ้างอิงคำพิพากษาดังกล่าวดูชอบธรรมและเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทที่กำลังพิจารณาอยู่อย่างมาก
    .
    ทนายฝ่ายโจทก์อ้างอิงว่าคำพิพากษารายการแรกมาจากคดีความของศาลประชาชนสูงสุด และคำพิพากษารายการที่สองมาจากคดีความของศาลประชาชนชั้นกลาง หมายเลข 1 ในนครเซี่ยงไฮ้ พร้อมระบุว่ามีข้อเท็จจริง คำโต้แย้งทางกฎหมาย และการให้เหตุผลตรงกับข้อพิพาท แต่เจิ้งรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงตรวจสอบและพบว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
    .
    หลังจากถูกซักไซ้ไล่เรียง ทนายฝ่ายโจทก์ยอมรับว่า “คำพิพากษาอ้างอิง” ดังกล่าวมาจากการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเขาป้อนข้อมูลสำคัญของข้อพิพาทปัจจุบันเข้าสู่โมเดลภาษาขนาดใหญ่ คัดลอกคดีความตัวอย่างที่ปัญญาประดิษฐ์สร้างขึ้นมา และบรรจุเข้าในคำฟ้องฉบับลายลักษณ์อักษรโดยตรงและไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง
    .
    ทั้งนี้ ศาลประชาชนเขตทงโจวกำหนดให้การอ้างอิงคำพิพากษาคดีความดังกล่าวที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นโมฆะ พร้อมออกหนังสือตักเตือนพฤติกรรมของทนายคนดังกล่าวอย่างเป็นทางการในคำพิพากษาฉบับลายลักษณ์อักษร และเน้นย้ำว่าต้องไม่ปล่อยให้ข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์มาทำลายระเบียบความถูกต้องทางตุลาการ
    .
    เฉินหางผิง อาจารย์กฎหมายของมหาวิทยาลัยชิงหัว มองการอ้างอิงคำพิพากษาคดีความอันเป็นเท็จนี้ว่าเป็นตัวอย่าง “อาการหลอน” (hallucination) ของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่ปัญญาประดิษฐ์สร้างข้อมูลที่เป็นเท็จหรือที่ทำให้เข้าใจผิดแต่มีรูปแบบและบริบทดูน่าเชื่อถือ นักกฎหมายจึงต้องรู้ขอบเขตความเหมาะสมของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์

    โจวจวิ้นอู่ หุ้นส่วนอาวุโสของสำนักงานกฎหมายท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง กล่าวว่าบางครั้งมีการค้นหาคำพิพากษาคดีความด้วยเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ แต่ต้องระวังอย่างมากและไม่สามารถไว้วางใจผลลัพธ์จากปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มที่ได้ เช่น หมายเลขคดีความที่เรียงลำดับง่ายๆ อย่าง 1234 หรือ 000 มีแนวโน้มสูงว่าเป็นข้อมูลเท็จ
    .
    ขณะเดียวกันเมื่อไม่นานนี้ ผู้พิพากษาประจำศาลท้องถิ่นทางตะวันออกของจีนยังพบเจอคำฟ้องร้องที่ดูเหมือนถูกเขียนขึ้นมาโดยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งระบุเอกสารรายละเอียดอันเป็นเท็จและหมายเลขคดีความที่ไม่ถูกต้อง
    .
    กรณีเหล่านี้ตอกย้ำกระแสวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์กำลังทะลักท่วมโลกอินเทอร์เน็ต โดยสื่อมวลชนสหรัฐฯ รายงานผลการศึกษาของแกรไฟต์ (Graphite) สตาร์ตอัปปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งวิเคราะห์ยูอาร์แอล (URL) ราว 65,000 รายการในช่วงปี 2020-2025 และพบว่าบทความใหม่ที่เขียนโดยปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากมีการเปิดตัวแชตจีพีที (ChatGPT) ในปี 2023 และ ณ จุดหนึ่งมีจำนวนมากกว่าที่เขียนโดยมนุษย์
    .
    นอกจากนั้นเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ยังแทรกซึมเข้าสู่วงการศาลยุติธรรม โดยเฉินกล่าวว่ากรณีทนายยื่นฟ้องร้องด้วยข้อมูลที่มาจากอาการหลอนของปัญญาประดิษฐ์นั้นเกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้หลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ และสิงคโปร์ ออกกฎระเบียบใหม่มาตรวจสอบรับรองความถูกต้องของเอกสารที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยจัดทำก่อนยื่นต่อศาล
    .
    เมื่อไม่นานนี้ สภานิติบัญญัติระดับสูงสุดของจีนได้อนุมัติการแก้ไขกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศ ซึ่งหนึ่งในการแก้ไขที่สำคัญคือปรับปรุงการกำกับตรวจสอบ มาตรฐานจริยธรรม และการประเมินความเสี่ยงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
    .
    เฉินกระตุ้นเตือนหน่วยงานทางการต่างๆ เสริมสร้างการกำกับควบคุมทางปกครองและการตีความทางตุลาการเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในทางที่ผิดจนทำลายระเบียบความถูกต้องทางตุลาการ โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทำให้งานกฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่นักกฎหมายต้องเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างชาญฉลาดด้วย
    .
    ด้านโจวที่เข้าร่วมการประชุมด้านปัญญาประดิษฐ์หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมากล่าวว่าแม้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพิ่มความเสี่ยงเกิดข้อมูลเท็จ แต่ขณะเดียวกันมีการแสวงหาทางใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยงานตุลาการอย่างถูกต้องสร้างสรรค์ โดยบางประเทศได้เริ่มต้นทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยพิจารณาคำตัดสินคดีอาญาแล้ว
    .
    (แฟ้มภาพซินหัว : ภาพโฮโลแกรม 3 มิติ ที่งานประชุมปัญญาประดิษฐ์โลกประจำปี 2021 ในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน วันที่ 8 ก.ค. 2021)

    - Advertisement -