1 ต.ค.63- ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เข้ารับตำแหน่งปลัดสธ. อย่างเป็นทางการวันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ทำบุญตักบาตร โดยมีผู้บริหารทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคร่วมแสดงความยินดี พร้อมพบปะสื่อมวลชน
นพ. เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในวันที่ 5 ตุลาคม จะแถลงนโยบายการขับเคลื่อนงานสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังส่วนภูมิภาค โดยนำนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าสธ.รัฐมนตรีช่วย สธ. ไปสู่การปฏิบัติ และจะเร่งงานด่วน 4 ด้าน คือ การรับมือกับโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ มีการทำฉากทัศน์ที่ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนเห็นภาพการระบาดที่อาจเกิดขึ้น เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการของประเทศมากขึ้น แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดบ้านปิดเมือง เนื่องจาก ประเทศไทยยังคงมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเข้มแข็ง หากมีการติดเชื้อหรือระบาดเกิดขึ้น สามารถควบคุมโรคได้ให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ให้มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างหรือในระดับวิกฤติ นอกจากนี้ จะเดินหน้าทุกวิถีทางให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยช่วงปีแรกต้องมีวัคซีนให้ได้ร้อยละ 50 ของประชากร ที่สำคัญ คือ ขอมอบนโยบายให้ชาว สธ. สวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน
ปลัดสธ.คนใหม่ กล่าวต่อว่า สำหรับเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งอาหาร และเครื่องสำอาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร กัญชง และกัญชา รวมทั้งกิจการสปา การรักษาพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ความร่วมมือด้านสุขภาพต่างๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ นอกจากนี้จะพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค การเชื่อมต่อไปกับโรงพยาบาลชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ตอบสนองการกระจายอำนาจ เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะการขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่ ที่เตรียมนำร่องในเขตสุขภาพที่ 9 และกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะกรรมการระดับเขตที่ประชาชนเข้าร่วม และจะร่วมกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ออกแบบให้ผู้ให้บริการหน้างานมีความยืดหยุ่นในการจัดระบบให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะศึกษาความเป็นไปได้ใน 2 ปี หากได้ผลดีจะขยายต่อไป หากไม่ดีจะได้เรียนรู้และปรับปรุง
“เรื่องธรรมาภิบาล จะพัฒนาบุคลากร สร้างคนรุ่นใหม่ ฝึกอบรมหลักสูตรเป็น “อัศวิน สธ.” เพื่อให้เป็นหน่วยซีลของกระทรวง ทั้งเรื่องของความอดทน การคิดการจัดการ การสื่อสารต่างๆ และปลูกฝังค่านิยมแนวคิด “รัก สามัคคี มีวินัย ใฝ่ใจสาธารณสุข” เข้าใจว่าใน สธ. ชมรมในสาขาวิชาชีพ ขอให้ใช้กระบวนการสร้างสรรค์ในการเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกันซึ่งตนพร้อมรับฟังทุกวิชาชีพ ขอให้มองเป็นพี่หรือครู และใช้ศักยภาพมาช่วยเหลือกัน สำหรับเรื่องของขวัญ กำลังใจ และความก้าวหน้าของบุคลากร จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนสาธารณสุข ทั้งค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) การบรรจุข้าราชการ แม้ที่ผ่านมาจะได้รับการบรรจุ 4.5 หมื่นตำแหน่งแต่ก็ยังไม่พอดี จากนี้จะใช้ตำแหน่งเกษียณจำนวน 3 พันตำแหน่งมาจัดสรรสำหรับกลุ่มตกหล่นเพื่อให้ครอบคลุมที่สุด แต่ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและตามเนื้องาน”ปลัดสธ.กล่าว