ปัจจุบัน สายเคเบิลใต้น้ำเป็นรากฐานที่สําคัญของโลกาภิวัตน์และการสื่อสารทั่วโลก สายเคเบิลใต้น้ำนับล้านกิโลเมตรที่วางอยู่รอบโลกได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการสื่อสารระหว่างทวีป อย่างไรก็ตาม สายเคเบิลใต้น้ำอาจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การถูกทำลาย และความข้อบกพร่องทางเทคนิค ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยของสายเคเบิลใต้น้ำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สายเคเบิลใต้น้ำแบ่งออกเป็นสายสื่อสารใต้น้ำและสายไฟใต้น้ำ สายเคเบิลใต้น้ำสมัยใหม่ใช้วัสดุไฟเบอร์ออปติกหรือ สายเคเบิลใยแก้วนําแสงในการส่งสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ย้อนไปในปี ค.ศ. 1850 มีการวางสายเคเบิลใต้น้ำสายแรกของโลกระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส และในปี ค.ศ.1902 มีการวางสายเคเบิลสื่อสารใต้น้ำทั่วโลก สถิติระบุว่า ปัจจุบัน มีสายเคเบิลใต้น้ำ 428 สาย โดยมีความยาวรวมประมาณ 1.1 ล้านกิโลเมตร ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการสื่อสารสําหรับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
สายเคเบิลใต้น้ำเป็นวิธีสําคัญในการส่งกระแสไฟฟ้าและการสื่อสารระหว่างหมู่เกาะและเมืองชายฝั่งต่างๆ สําหรับประเทศที่อยู่ชายฝั่งทะเลหรือประเทศหมู่เกาะ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตองกา ฟิจิ เป็นต้น สายเคเบิลใต้น้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญและจําเป็นต่อการทํางานประจําวันของสังคม เมื่อสายเคเบิลใต้น้ำเสียหายแล้ว อาจใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์หรือนานกว่านั้นในการซ่อมแซม เมื่อปี 2019 เรือลําหนึ่งทําให้สายเคเบิลใต้น้ำเสียหายขณะทอดสมอทําให้ตองกาไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้เป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ในปี 2022 สายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อตองกาและฟิจิได้รับความเสียหายจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล และต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมประมาณ 2 สัปดาห์
ตามปกติ เพื่อลดต้นทุน สายเคเบิลจะถูกวางในระยะห่างที่สั้นที่สุดระหว่างจุด 2 จุดบนพื้นผิวโลก และต้องวางตามตําแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงซึ่งจะทำให้วางได้สะดวกขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสายเคเบิ้ลจำนวนมากจึงมารวมตัวกันในจุดควบคุม เช่น หมู่เกาะฮาวาย คลองสุเอซ เกาะกวม และช่องแคบซุนดาในอินโดนีเซีย แต่พื้นที่เหล่านี้มักจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ และไต้ฝุ่น ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจากหลายประเทศจึงกําลังพัฒนาวิธีการถ่ายโอนข้อมูลจากสายเคเบิลใต้น้ำไปยังระบบดาวเทียมในกรณีที่เกิดความเสียหาย หรือ ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ที่น่าสังเกตคือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นได้จุดประกายให้เกิดความกลัวมากขึ้นว่าสายเคเบิลใต้น้ำอาจถูกโจมตีในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการทหารซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการสื่อสารดิจิทัล เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2023 สายเคเบิลใต้น้ำทะเลบอลติกได้รับความเสียหาย ทําให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สายเคเบิลใยแก้วนําแสงใต้ทะเลแดง ที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตร้อยละ 17 ของโลก เสียหายโดยไม่รู้สาเหตุแน่ชัด ทําให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทะเลแดงทวีความรุนแรงขึ้น
การโจมตีหรือก่อวินาศกรรมสายเคเบิลใต้น้ำเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถละเลยได้ เพราะสิ่งนี้อาจขัดขวางการสื่อสารทั่วโลกและนำไปสู่วิกฤตที่ใหญ่ยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายควรให้ความสําคัญกับความปลอดภัยของสายเคเบิลใต้น้ำ และศึกษาค้นคว้าหาวิธีเพื่อให้แน่ใจถึงความหลากหลายของวิธีการสื่อสารและลดการพึ่งพาระบบสื่อสารเคเบิลใต้น้ำ
เชื่อว่าด้วยการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีเคเบิลใต้น้ำที่ล้ำหน้า ปลอดภัยกว่าและเชื่อถือได้มากขึ้นจะเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งจะให้การสนับสนุนที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสําหรับการสื่อสารและการส่งข้อมูลของทั่วโลก
เขียนโดย โจว ซวี่ ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)