‘หวัง อี้’ ชี้สหรัฐเป็นผู้ทำลายสันติภาพรายใหญ่สุดในโลก มะกันบอกจีนไม่มีสิทธิโกรธ

30

ความตึงเครียดในพื้นที่พุ่งขึ้นทันทีหลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวัน เมื่อช่วงกลางดึกของวันอังคารที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยไม่สนใจคำเตือนก่อนหน้านี้ของจีน ขณะที่เพโลซีและฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงอ้างว่าสหรัฐยังยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว แต่อนุญาตให้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการและความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน

เพโลซีได้เขียนบทความที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และเผยแพร่เมื่อเธอเดินทางถึงไต้หวัน โดยระบุว่าการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่กว้างขวางขึ้น ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับทางเลือกระหว่างระบอบเผด็จการและประชาธิปไตย เราต้องยืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเราไม่เคยยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจเด็ดขาด

ด้านนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การทรยศของสหรัฐในประเด็นไต้หวันทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐล่มสลาย นักการเมืองอเมริกันบางคนกำลังเล่นกับไฟในประเด็นไต้หวัน พร้อมเรียกสหรัฐว่าเป็นผู้ก่อวินาศกรรมและทำลายสันติภาพโดยเจตนารายใหญ่ที่สุดในโลก

นายมิตช์ แม็คคอนแนล ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ ออกมาสนับสนุนการเยือนของนางเพโลซีเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนประชาธิปไตยของไต้หวัน พร้อมทั้งระบุว่าข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่าการเดินทางของเธอเป็นการยั่วยุเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง เพราะเขาเชื่อว่าเพโลซีมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะเดินทางไปไต้หวัน

ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกสหรัฐกำลังพิจารณาออกกฏหมายเพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศของไต้หวัน ซึ่งเป็นการตอบโต้จีนโดยตรง โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายจะถูกนำไปหารือในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา

ภายใต้กฎหมายดังกล่าว สหรัฐจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของไต้หวัน โดยมีการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่าเกือบ 4.5 พันดอลลาร์สหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า รวมถึงให้การสนับสนุนด้านอื่นๆ สำหรับรัฐบาลรวมถึงภาคประชาสังคมของไต้หวัน และยังกำหนดให้ไต้หวันเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่ไม่ใช่สมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จะช่วยเปิดประตูด้านความปลอดภัยรวมถึงผลประโยชน์ทางการค้าที่มากขึ้นระหว่างสหรัฐและไต้หวัน ซึ่งพวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการปรับโครงสร้างนโยบายของสหรัฐต่อไต้หวันที่ครอบคลุมที่สุด นับตั้งแต่สหรัฐเคยมีการออกพระราชบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวันในปี 1979

ด้านทำเนียบขาวยืนยันว่าจีนไม่มีสิทธิที่จะโกรธเคือง โดยนายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอ้างว่า สหรัฐไม่ได้แสวงหาหรือต้องการวิกฤติ และเราก็ไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการแสดงแสนยานุภาพใดๆ ในเวลานี้เช่นกัน

ถึงแม้จะพูดเช่นนั้นแต่เจ้าหน้าที่สหรัฐที่ไม่เปิดเผยชื่อก็ระบุว่า กองทัพสหรัฐจะเพิ่มการเคลื่อนไหวในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในระหว่างการเยือนของเพโลซี โดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน รวมถึงกลุ่มเรือโจมตีของสหรัฐ ได้เข้าประจำการอยู่ในทะเลฟิลิปปินส์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 สิงหาคมว่า จีนได้ส่งเครื่องบิน 21 ลำบินมายังน่านฟ้าของไต้หวัน โดย 18 ลำในนั้นเป็นเครื่องบินขับไล่ ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องบินเตือนล่วงหน้า รวมถึงเครื่องบินสำหรับปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิกส์

Cr : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3486543

- Advertisement -