ทางการสหรัฐตั้งข้อหาใหม่ตำรวจผิวขาว 4 นายในเหตุการณ์ฆ่าจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เป็นชนวนเหตุประท้วงก่อจลาจลยาวนาน 9 วัน อดีตรัฐมนตรีกลาโหมทนไม่ไหวตำหนิ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีแทนที่จะสร้างเอกภาพกลับพยายามสร้างความแตกแยกในชาติ
ยังคงมีการเดินขบวนประท้วงของผู้คนนับหมื่นในหลายเมืองของสหรัฐ ตั้งแต่รัฐนิวยอร์กในฝั่งตะวันออกไปถึงนครลอสแองเจลิสในฝั่งตะวันตกเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน เมื่อวันพุธที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงพากันร้องตะโกนต่อต้านการเหยียดผิวและความโหดร้ายของตำรวจ หลายพื้นที่ประท้วงต่อเนื่องถึงกลางคืน แม้จะมีคำประกาศเคอร์ฟิวก็ตาม
ที่รัฐมินนิโซตา อัยการได้เพิ่มความรุนแรงของข้อกล่าวหาต่อดีเร็ก โชวิน ตำรวจผิวขาววัย 44 ปี ที่ใช้เข่ากดคอฟลอยด์นานเกือบ 9 นาที ระหว่างควบคุมตัวเขาฐานต้องสงสัยว่าใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ปลอมซื้อบุหรี่ ทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เดิมโชวินถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยประมาท แต่ข้อกล่าวหาใหม่เมื่อวันพุธปรับเป็นฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษหนักกว่า
ตำรวจมินนีแอโพลิสอีก 3 นายที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยซึ่งโดนไล่ออกก่อนแล้ว ก็ถูกจับกุมและตั้งข้อหาด้วย ฐานให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการฆาตกรรมครั้งนี้
การจับกุมและตั้งข้อหาดำเนินคดีอาญาสถานหนักกับตำรวจ 4 นายนี้เป็นข้อเรียกร้องหลักของผู้ประท้วงหลายแสนคนที่ออกมาชุมนุมในหลายสิบเมืองทั่วสหรัฐ ซึ่งหลายเมืองสถานการณ์รุนแรงเป็นการก่อจลาจล ปล้นสะดม วางเพลิง และทำให้รัฐบาลท้องถิ่นมากกว่า 40 เมืองประกาศเคอร์ฟิว ผู้ว่าการ 23 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระดมทหารกองหนุนจากกองกำลังเนชันแนลการ์ด
สถานการณ์ของหลายเมืองในวันพุธลดความรุนแรงลงในคืนวันอังคาร เมืองต่างๆ รวมถึงลอสแองเจลิสและวอชิงตันเลื่อนเวลาบังคับใช้เคอร์ฟิวให้ช้าลงหลายชั่วโมง เมืองซีแอตเติลยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว แต่ที่นิวยอร์กกลุ่มผู้ประท้วงพยายามเดินขบวนในแมนฮัตตันและบรูกลินหลังเวลาเคอร์ฟิว 20.00 น.วันพุธ ทำให้มีหลายคนโดนตำรวจจับกุม กรุงวอชิงตันก็มีผู้ประท้วงที่อาคารรัฐสภาหลังเคอร์ฟิวเช่นกัน
ประธานาธิบดีทรัมป์ แม้จะประณามเหตุการณ์ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของฟลอยด์ แต่ตัวเขาก็ถูกประณามเช่นกันที่ขู่เรียกใช้กำลังทหารประจำการติดอาวุธหนักปราบปรามผู้ประท้วง ซึ่งทรัมป์บอกว่ามี “พวกคนเลว” ปนอยู่ด้วยจำนวนมาก
เมื่อวันพุธ จิม แมททิส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เขียนบทความลงนิตยสารดิแอตแลนติกออนไลน์ ตำหนิทรัมป์ว่าพยายามทำให้อเมริกาแตกแยกและไม่ได้เป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะ
“โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนแรกในช่วงชีวิตของผมที่ไม่ได้พยายามทำให้ชาวอเมริกันเป็นเอกภาพ เขาไม่แม้แต่จะแสร้งทำเป็นพยายาม” แมททิสกล่าว “ตรงกันข้าม เขาพยายามทำให้เราแตกแยก”
นับแต่ลาออกตำแหน่งตามแรงกดดันของทรัมป์เมื่อปี 2561 อดีตพลเรือเอกแห่งกองกำลังนาวิกโยธินผู้นี้ปฏิเสธที่จะวิจารณ์ประธานาธิบดีโดยอ้างว่าไม่เหมาะสม แต่ดูเหมือนเขาเปลี่ยนท่าทีแล้ว “เรากำลังประจักษ์กับผลลัพธ์ของช่วงเวลา 3 ปีที่ปราศจากภาวะผู้นำที่มีวุฒิภาวะ”
แมททิสยังประณามการตัดสินใจใช้กำลังเข้าสลายผู้ประท้วงอย่างสันติใกล้ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้ทรัมป์เดินจากทำเนียบขาวไปถ่ายรูปกับโบสถ์ที่ได้รับความเสียหายจากการก่อจลาจลในคืนวันอาทิตย์ โดยกล่าวถึงการกระทำนี้ว่าเป็น “การละเมิดอำนาจบริหาร”
ด้านทรัมป์ทวีตเย้ยแมททิสว่า เป็นนายพลที่ถูกให้ค่าสูงเกินจริงมากที่สุดในโลก