เป็นทางการ! โฆษก ป.ป.ช.ยืนยันมติตั้งไต่สวน 5 จนท.สั่งการรับคดี ‘บิ๊กโจ๊ก-พวก’ มิชอบ

3733

‘สุรพงษ์ อินทรถาวร’ โฆษก ป.ป.ช. ยืนยันคกก.ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบตั้งไต่สวน 5 จนท.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีร่วมกันสั่งการพิจารณาให้ความเห็นชอบรับคดี ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก-พวก’ โยงเว็บพนันออนไลน์มาดำเนินการมิชอบจริง สะท้อนให้เห็นกลไกตรวจสอบกระบวนการทำงานภายในที่เข้มแข็ง เผยกรณีกรรมการ ป.ป.ช.บางราย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหายังไม่จบ ต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เสนอข่าวที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จำนวน 5 ราย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีร่วมกันสั่งการและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับคดีของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์มาดำเนินการเองโดยมิชอบ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ที่ประชุมคณะกรรม ป.ป.ช.มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จำนวน 5 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ซึ่งตามขั้นตอนการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องต่อไป ถ้าสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ ข้อกล่าวหาจะถูกตีตกไป

“ส่วนรายละเอียดทางคดีคงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้ แต่การตั้งคณะกรรมการไต่สวนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้ง 5 ราย สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่า ป.ป.ช.มีกลไกในการตรวจสอบกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ของเราเองอยู่ตลอด ทุกคนต้องถูกตรวจสอบไม่มีข้อยกเว้น” นายสุรพงษ์กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีอดีตกรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คงจะมีการพิจารณาส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

อนึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 5 ที่ถูกตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีนี้ เป็นผู้อำนวยการสำนัก 2 ราย นิติกรปฏิบัติงาน 2 ราย และพนักงานไต่สวน ระดับสูง 1 ราย

ล่าสุดมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่บางราย ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปแล้ว

ขณะที่กรณีนี้มีการกล่าวหา นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 45 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริตการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ได้กำหนดวิธีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินคดีกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้

สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต การเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ระบุว่า ในกรณีที่มีการกล่าวหาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ว่ากรรมการ ป.ป.ช.ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงและประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหาและเสนอเรื่องมายังประธานศาลฎีกา ให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระตามมาตรา 50 เพื่อดําเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและทําความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี กรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่มีมติชี้มูลความผิดแต่อย่างใด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

Cr : https://www.isranews.org/article/isranews-news/141752-invesnews-196.html

- Advertisement -