ราชการสะเทือน! เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการเด็ดขาด ตั้ง “ชุดเฉพาะกิจมือปราบพระกาฬ” ลุยสกัดขบวนการค้าไม้สักข้ามชาติ หลังข่าวกรองระบุ มีการลักลอบขนไม้สักเถื่อนกว่า 3,200 แผ่น เตรียมส่งออกต่างประเทศ ผ่านเส้นทางภาคตะวันออกของไทย
โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ พร้อมด้วย นายเทวินทร์ มีทรัพย์ และ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร คณะทำงาน ลงพื้นที่สั่งการร่วม ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.)
เจ้าหน้าที่สะกดรอยรถบรรทุกพ่วงต้องสงสัยจากแนวชายแดนไทย–เมียนมา อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ตามเบาะแสสายข่าวที่แฝงตัวในพื้นที่ จนพบรถเป้าหมายจอดอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง ต.บางขวัญ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบไม้สักแปรรูปจำนวนมาก เนื้อไม้เป็นแก่นละเอียด วงปีแน่นชัด แสดงถึงอายุไม้เก่าแก่ และเอกสารแสดงถิ่นกำเนิดไม่ถูกต้อง คาดว่าเป็นไม้จากต่างประเทศ รวมปริมาณกว่า 40 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าราว 5 ล้านบาท หากส่งออกนอกประเทศ ราคาพุ่งทะลุ 10 ล้านบาท
พล.ต.ต.นันทชาติ เผยว่า คดีนี้มีข้อมูลเชื่อมโยงถึงเจ้าของไม้แล้ว แต่ขอเวลาให้ทีมสืบสวนขยายผล “ท่านสุชาติ ชมกลิ่น กำชับให้จัดการเด็ดขาดกับผู้มีอิทธิพลและนายทุนเบื้องหลัง ห้ามกระทบชาวบ้านผู้สุจริต และให้ดำเนินคดีถึงที่สุด ทุกข้อหา”
พร้อมประกาศชัด “อย่าคิดมาวิ่งเต้นคดี เพราะนี่คือทรัพยากรของชาติ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง”
“ผมไม่เกรงกลัวผู้มีอิทธิพล ไม่กลัวเลยครับ เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าเรากลัว แล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร… อิทธิพลสู้กฎหมายไม่ได้!” พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล กล่าวอย่างหนักแน่น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหา มีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และ ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมนำของกลางทั้งหมดไปเก็บรักษาที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นหลักฐานขยายผลถึงขบวนการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
