ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดการประชุมผู้นำโลกว่าด้วยสตรี (Global Leaders’ Meeting on Women) ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 ย้ำเจตนารมณ์แห่ง “ปฏิญญาปักกิ่ง” (Beijing Declaration) ที่วางรากฐานการส่งเสริมสิทธิสตรีและความเสมอภาคทางเพศในระดับนานาชาติไว้ตั้งแต่ปี 1995 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า สตรีมีบทบาทสำคัญในการสร้างและสืบสานอารยธรรม การส่งเสริมบทบาทของสตรีคือภารกิจของประชาคมโลก โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ภารกิจด้านสตรีทั่วโลกมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างชายและหญิงบรรจุอยู่ในวาระการพัฒนาของสหประชาชาติ ปัจจุบันมี 189 ประเทศให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW) และมากกว่า 190 ประเทศได้ตรากฎหมายรวมกว่า 1,600 ฉบับ เพื่อคุ้มครองสิทธิของสตรีทั่วโลก แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติยังคงมีอยู่ โดยทั่วโลกยังมีสตรีและเด็กหญิงกว่า 600 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและความขัดแย้ง และอีกประมาณ 10% ยังมีสถานะยากจนขั้นรุนแรง ขณะที่ช่องว่างทางดิจิทัลกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาสตรีอย่างรอบด้าน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเสนอแนวทาง 4 แนวทาง เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาสตรีทั่วโลก คือ
1. การสร้างสภาพแวดล้อมแห่งสันติภาพเพื่อให้สตรีเติบโตได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และได้รับการคุ้มครองจากสงครามและความรุนแรง
2. การขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพสูงโดยให้สตรีมีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และการพัฒนาเสีเขียว
3. การพัฒนากฎหมายและนโยบาย เพื่อให้สตรีเข้าถึงโอกาสด้านสุขภาพ การศึกษา และการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเท่าเทียม
4. การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติในการขับเคลื่อนภารกิจด้านสตรีในประเทศกำลังพัฒนา
ในโอกาสนี้ จีนยังประกาศมาตรการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การบริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (32 ล้านบาท) ให้แก่ องค์การสตรีแห่งสหประชาชาติ การจัดสรรงบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (320 ล้านบาท) จากกองทุน Global Development and South–South Cooperation Fund เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาสตรีและเด็กหญิงในประเทศกำลังพัฒนา การเปิดตัวโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีและเด็กหญิง จำนวน 1,000 โครงการ การเชิญสตรีจากต่างประเทศ 50,000 คน เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนในจีน และการจัดตั้งศูนย์เพื่อการพัฒนาศักยภาพสตรีระดับโลก (Global Center for Women’s Capacity Building) เพื่อทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อฝึกอบรมและสร้างบุคลากรสตรีรุ่นใหม่
ประธานธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวถึงการส่งเสริมบทบาทสตรีในประเทศจีนว่า ปัจจุบันสตรีจีนมีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วนของสังคม จีนสามารถขจัดความยากจนให้สตรีกว่า 690 ล้านคน ตั้งแต่ปี 1995 อัตราการเสียชีวิตของมารดาลดลงเกือบ 80% และปัจจุบัน ในภาคแรงงานมีสัดส่วนแรงงานสตรีคิดเป็นกว่า 40% ของแรงงานทั้งหมด โดยสตรีจีนยุคใหม่สามารถยืนหยัดอย่างมั่นใจและเปี่ยมพลัง และมีส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญให้แก่ประเทศจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินตามเจตนารมณ์ปฏิญญาปักกิ่ง เพื่อร่วมกันส่งเสริมกระบวนการพัฒนาบทบาทสตรีในด้านต่างๆ และร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย
ภาพ : CGTN