ส.ว.ก๊อง ไม่ได้มอบเงินช่วยค่าทำศพ! แม่ ‘จารุชาติ’ เผยข่าวคดีลูกชายเสียชีวิตเงียบหาย

37

มารดา ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานคนสำคัญคดี ‘วรยุทธ อยู่วิทยา’ หรือบอส ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต เผย ‘อิศรา’ ยังไม่ได้รับแจ้งจากจนท.ถึงความคืบหน้าผลการผ่าพิสูจน์ศพ กรณีมีผู้ทำลายโทรศัพท์ ยืนยัน ‘ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร’ หรืออดีต สว. ‘ก๊อง’ ไม่ได้มอบเงินช่วยค่าทำศพ-ไม่รู้ลูกชายทำงานให้ก่อนเสียชีวิต

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ นายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญในคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 จากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกันที่บริเวณแยกฟ้าธานี ถ.ห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 30 ก.ค.2563 ซึ่งในเวลาต่อมามีการแถลงผลการผ่าพิสูจน์ศพนายจารุชาติโดยทีมแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่า ไม่พบร่องรอยการเสียชีวิตอย่างผิดปกติ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องโทรศัพท์และซิมของนายจารุชาติ ที่หายไป ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายพศิน อัครเดชธนโชติ หรือล้าน ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ ส.ว.ก๊อง หรือ นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร เป็นผู้นำโทรศัพท์ของ นายจารุชาติ ไป โดยอ้างว่าได้เคยถ่ายรูปกับผู้เสียชีวิตหลายครั้ง รู้จักกันมานาน หลังจากที่อดีต ส.ว.ก๊องไปบวช นายพศินอ้างว่าเขาได้สนิทสนมกับผู้ตายมากยิ่งขึ้นมีรูปภาพเขาอยู่ในมือถือผู้ตาย และตัวเขาเองก็จะลงสมัครนายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ พอทราบว่าผู้ตายเป็นพยานปากสำคัญในคดีบอส อยู่วิทยา กลัวว่าจะมีผลกระทบกับการที่เขาจะลงสมัครเลือกตั้งจึงทำลายโทรศัพท์

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงติดตามขยายผลการสอบสวนเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้โทรศัพท์ติดต่อขอสัมภาษณ์ มารดาของนายจารุชาติ ถึงความคืบหน้าทางคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ

โดยผู้สื่อข่าวถามว่า นับแต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอนำศพนายจารุชาติไปผ่าพิสูจน์ รวมทั้งกรณีที่มีผู้ทำลายโทรศัพท์ของนายจารุชาติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมายังมารดานายจารุชาติเพื่อแจ้งความคืบหน้าใดๆ หรือไม่

มารดานายจารุชาติ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่มีใครติดต่อมาเลย”

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องศพของนายจารุชาติ ว่าหลังการผ่าพิสูจน์ศพแล้วมีความคืบหน้าอย่างไรหรือไม่ มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาหรือไม่ มารดานายจารุชาติตอบว่า “ไม่มี ไม่ทราบเรื่องอะไร”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรืออดีต สว. ‘ก๊อง’ ได้มอบเงินช่วยค่าทำศพนายจารุชาติหรือไม่ ฝากใครมาช่วยค่าทำศพหรือไม่ มารดานายจารุชาติตอบว่า “ไม่มี”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามารดานายจารุชาติรู้จักนายชูชัยหรือไม่ และรู้หรือไม่ว่าก่อนเสียชีวิต นายจารุชาติทำงานกับนายชูชัย มารดานายจารุชาติตอบว่า “ไม่ทราบ และขอยุติการให้สัมภาษณ์”

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5.เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่มีผู้ทำลายโทรศัพท์นายจารุชาติ แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้รับโทรศัพท์แจ้งแก่ผู้สื่อข่าวว่าเป็นผู้ติดตาม พล.ต.ท.ประจวบ และแจ้งว่า พล.ต.ท.ประจวบติดประชุมอยู่ ขอให้ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวจาก พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ (ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่)

เมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังพล.ต.ต.พิเชษฐ กล่าวว่า “ขณะนี้ติดประชุม ยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่มีผู้ทำลายโทรศัพท์นายจารุชาติ และความคืบหน้าอื่นๆ ในทางคดีนี้เช่นกัน แต่ไม่สามารถติดต่อได้

อนึ่ง เกี่ยวกับข้อมูลของนายจารุชาติ นั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราเคยโทรศัพท์สัมภาษณ์ถามมารดาของนายจารุชาติว่า ทราบหรือไม่ว่านายจารุชาติ เคยไปเป็นพยานกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจ มารดานายจารุชาติกล่าวว่า ทราบ เนื่องจากนายจารุชาติเคยเล่าให้ฟังว่าไปเป็นพยานคดีรถชน ก่อนเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน

ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบว่าหลังการเข้าให้ปากคำครั้งแรกในปี 2555 นายจารุชาติ ได้เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันจริง ปรากฎข้อมูลการเดินทางไป-กลับ ไต้หวันของนายจารุชาติ ดังนี้ – เดินทางออกครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.57 ใช้หนังสือเดินทาง AA2759442 เที่ยวบินไปขณะนั้น ใช้ช่อง AUTO CHANNEL เพิ่งเปิดการลงไฟล์ น่าจะยังใช้รหัส FG9999- เดินทางเข้ามาครั้งสุดท้าย เมื่อ 1 มิ.ย.2560 ใช้หนังสือเดินทาง AA2759442 เที่ยวบิน CI 837 มาจากไทเป ไต้หวัน แต่ ปัจจุบัน สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบไม่พบข้อมูลว่านายจารุชาติไปทำงานกับใครที่ไต้หวัน ทำงานอะไร เดินทางกลับมาด้วยเหตุผลใด มีใครติดต่อให้กลับมาประเทศไทยหรือไม่

Credit : https://www.isranews.org/article/isranews/91922-mdc036.html

 

- Advertisement -