“เอ๊ะ!แรกมันแปลกดีนะ!?!? “เอ๊ะ!ต่อมา…จริง เหรอ!
เสียงอื้ออึงมากมายในสังคม หลัง “บิ๊กเกรียน” เพจข่าวชื่อดัง ตั้งข้อปุจฉาถึง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และแม่ทัพสีกากีเบื้องทิศบูรพา พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2
กรณีคนจีนมีบัตรที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ หรือ “กต.ตร.”โรงพักนาจอมเทียน
กลายเป็น “เผือกร้อน” จน พ.ต.อ.วัฒนชัย แสงฤทธิ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน ต้องออกมาแจงสี่เบี้ย…ยอมรับว่า
“…การแต่งตั้งที่ปรึกษาเป็นอำนาจของหัวหน้าสถานีตำรวจ ไม่ได้แต่งตั้งเฉพาะคนจีน แต่รวมถึงชาวรัสเซียและอินเดีย เพื่อช่วยราชการในด้านการประสานงาน และเป็นล่ามกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ…
พื้นที่ สภ.นาจอมเทียน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก การมีล่ามจิตอาสามาช่วยงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากงบประมาณ สถานีตำรวจไม่เพียงพอในการว่าจ้างล่ามเต็มเวลา การแต่งตั้งที่ปรึกษาต่างชาติเป็นแนวทางที่ใช้อยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อแก้ไขปัญหาและลดข้อจำกัดด้านภาษา…
กรณีการแต่งตั้งชาวจีนรายนี้ เป็นการแต่งตั้งแทนที่ปรึกษาคนเดิมที่ลาออก โดยผู้ที่ลาออกได้แนะนำบุคคลดังกล่าว ซึ่งมีความต้องการช่วยงานราชการและมีทักษะด้านภาษาอย่างเหมาะสม…
ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเพียงผู้ช่วยประสานงาน หรือเป็นล่ามในกรณีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการความช่วยเหลือในการติดต่อเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือเกี่ยวข้องกับงานในเชิงนโยบายแต่อย่างใด…
หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน ยังชี้แจงตบตูดอีกว่า การแต่งตั้งที่ปรึกษาต่างชาติในลักษณะนี้ เป็นไปเพื่อความสะดวกในการบริการนักท่องเที่ยว และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ…”
ฟังแล้ว เท่ากับว่า ท่านผู้กำกับ ออกมาการันตีแล้วว่า บัตรประจำตัว ตำแหน่งที่ปรึกษา คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน ของ “ฯพณฯ”ท่าน MR.ZOU ZHIGUANG ชายชาวจีนคนนั้น ที่ตัวท่านเองเป็นผู้ลงลายมือชื่อผู้ออกบัตร ไม่ใช่ของปลอม เป็นของแทร่ ทั้งดุ้น!
เอาล่ะ! ชี้แจงมา ก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ปมที่สังคมคาใจ! กลายเป็นคำถามอื้ออึง กระพือเป็นไฟลามทุ่ง…
ปุจฉาแรก บ้านอื่นเมืองอื่นที่เป็นเมืองท่องเที่ยว แหล่งรวมชาวต่างชาติ เหมือนกันกับพื้นที่“นาจอมเทียน” ชาวต่างชาติแห่ไปเที่ยว แห่ไปทำธุรกิจ พักอยู่อาศัยมากมายก่ายกองกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะภูเก็ต พังงา เกาะสมุย เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ
แม้แต่โรงพักบ้านใกล้เรือนเคียง อย่าง “สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา”ก็มีต่างชาติอยู่กันยั้วเยี้ยขวักไขว่
ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่า หัวหน้าสถานีท้องที่ใด แต่งตั้งคนต่างชาติ เป็นตำแหน่ง ที่ปรึกษา คณะกรรมการตรวจสอบ และติดตามการบริหารงานตำรวจ“กต.ตร.”โรงพักเลยสักราย…
ถามว่า สิ่งที่ท่านทำอ่ะผิดไหม? คำตอบก็ตามที่ชี้แจงแถลงไขมา “มันเป็นอำนาจของหัวหน้าสถานี” ไม่ได้ผิดอะไร!ทำได้ตามอำนาจของท่าน ซึ่งมันก็ถูก ท่านไม่ได้ทำอะไรที่ผิดหรอก..ขอรับ
แต่หากถามถึงความ “เหมาะสมหรือไม่” ที่แต่งตั้ง “คนต่างด้าว ท้าวต่างแดน” ขึ้นมานั่งตำแหน่ง ที่สังคมมองว่า “หรูหรา ทรงดี ดูมีคลาส ” ตรงนี้ต่างหาก ที่กระแสเสียงของสังคม ร้องระเบ็งเซ็งแซ่! สมควรไหม? เหมาะสมหรือไม่?
เอาล่ะ ในเมื่อบอกมันเป็นสิ่งจำเป็นเรื่องของภาษา ที่ต้องมี “ล่าม”ประจำสถานี เวลามีคนจีนมาติดต่อราชการ หรือเกิดคดีความ กับคนต่างชาติ แต่ “สังคมอุดมปัญญา” เขาถามก่อนว่า ทำไม? ไม่ออกบัตร ระบุให้มันตรงปกไปเลยว่า แต่งตั้งเป็น“อาสาสมัครล่ามภาษาต่างประเทศ” เพราะดูแล้ว-ฟังแล้ว ไม่บาดใจ ระคายรูหู ดูเหมาะสมกว่า…
หรือว่า…. มันดูไม่อลังการงานสร้าง มองไม่น่าเกรงขาม ยามแสดงตัวตน โชว์บัตรคล้องคอ?
มันต้องตำแหน่ง “ที่ปรึกษา กต.ตร.โรงพัก” แต่งตั้งโดย ประธานคณะกต.ตร. ของโรงพัก พ่วงเท่านั้นหรือ ถึงดูสมศักดิ์ศรี มีระดับ เข้าท่า ดีกว่า โก้กว่า ดูหรูหราหมาเห่า กระนั้นหรือ?
ยกตัวอย่าง มันก็มี “โมเดล”ที่เขาทำกันมานานแล้ว แลดูเข้าท่าเข้าทาง ตัวอย่างที่ดีมีให้ “ก๊อปปี้” … อย่าง “ตำรวจท่องเที่ยว” ทุกหน่วยทั่วไทยเขาทำกัน ล่ามภาษาอาสาสมัครต่างชาติ เริ่มจาก รับสมัคร ตรวจสอบประวัติ เข้าคอร์สอบรม ฝึกระเบียบวินัยจัดสรรกันมาทำหน้าที่ล่าม ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีการควบคุมพฤติกรรมอย่างเข้มงวดกวดขัน โดยเฉพาะเรื่องเบ่ง กร่าง ทำตัวกาก
ระบบสกรีนคนเข้ามาร่วมองค์กร เข้ามาร่วมชายคาบ้านหลังเดียวกัน วิธีการนำคนใหม่มาเสียบแทนคนเก่าที่ลาออก ข้อปุจฉาถามมา ได้สืบสาวราวเรื่อง เช็คประวัติหัวนอนปลายเท้า กันก่อนหรือไม่? หรือแค่ลากมาเสียบแทนกันได้ เหมือน ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในสภาฯ ตอนนี้มันถึงยังเป็นคดีความอีนุงตุงนัง กันไง!
สังคมพากันตั้งข้อสงสัยอีกเรื่อง เท่าที่ดูขั้นตอนการ แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ของโรงพักหลายแห่งทั่วประเทศ
หัวหน้าสถานีตำรวจนั้นๆ ในฐานะ นั่งประธาน คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ อาศัยอำนาจตามความในข้อที่ 20 (9) ของระเบียบของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ “ก.ต.ช.”ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ.2549
จะแต่งตั้งที่ปรึกษาสักคน ต้องออกหนังสือ เรียกประชุม คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ เพื่อนำเรื่องขอเสนอแต่งตั้ง “ที่ปรึกษา กต.ตร.” เข้าสู่วาระการประชุม
ระบุรายละเอียดชัดเจน ว่าผู้ที่จะขอแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา มีกี่คน ชื่อเรียงเสียงไรกันบ้าง มีตำแหน่งแห่งหนเป็นอะไรอยู่ หรือเคยเป็นอะไรมาก่อน ความรู้ความสามารถ ตั้งมาเพื่อการอันใด เพื่อให้คณะ กต.ตร.โรงพัก พิจารณา ลงมติเห็นชอบ
ตรงนี้มีไหม? กระบวนการแต่งตั้งทำเป็นขั้นเป็นตอนหรือไม่ มันคือคำถาม ที่สังคมต้องการเห็นหลักฐาน และฟังคำตอบ
หรือ โรงพักไหน จะทำตามที่ว่า คือประชุมคณะ กต.ตร.โรงพักก่อน เพื่อขอความเห็นชอบแต่งตั้งก็ได้ หรือ โรงพักไหนไม่ทำตามว่าก็ได้ ใช้ “นิ้วจิ้ม” แต่งตั้งกันเลยก็ได้….ใครต่อใครใคร่อยากรู้… ถ้ามีก็เอาปากกามาวง สังคมจะได้เลิกคลางแคลงใจ
“อำนาจ”คือดาบสองคม! เวลาใช้ต้องไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ดูให้ดีคิดให้รอบคอบ ใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ถูกคน และยึดความถูกต้องเป็นหลัก….
ไม่เช่นนั้น ผู้ใช้อาจเพลี่ยงพล้ำ พลาดท่า! “คมอำนาจ”บาดถูกใครเข้า เห็นดิ้นร้องทุรนทุราย เหมือนตายทั้งเป็น !
สกุ๊ปพิเศษ สมาคมสมาพันธ์นักข่าว ประเทศไทย