ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา ‘สถาพร หยองเอ่น’ อดีตผอ.สนง.พื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 7 ทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ล่าสุดศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 3 ปี พวกอีก 4 ราย โดน 4 ปี 1 คน- 6 เดือน 3 ราย ไม่รอการลงโทษ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีกกว่า 26 ราย แยกฟ้องคดีอีก 1 สำนวน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสถาพร หยองเอ่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 7 กับ พวกรวม 30 ราย ประกอบไปด้วย
นายประดิษฐ์ เวียงสีมา ,นายอำนาจ ศรีแสง ,นายธนัชกิต อินทร์นอก ,นายเสวียน ปุราสะแก ,นางวันฉัตร เปรมพลอย
นางธมนวรรณ พลทามูล,นางสาวศศิธร คัมภิรา, นางสาวมาลี นันกระโทก ,นางภัทราพร ธัญกิจเจริญสิน หรือนางสาวภัทรราพร ตอพล, นางสาวสายฝน จุลชาติ, นายสมชาย ปลื้มพันธ์
นางสาววริษฐา อดีตรัมย์, นายวีระชัย มาแสวง ,นางสาวสุกัญญา จันนวล, นายสุรศักดิ์ สัตย์ซื่อ ,นางวาสนา ปวงกลาง นางบังอร สุขอ่อน ,นางบุญส่ง พลยางนอก
นางสาวรุจิรา รักษาทรัพย์ หรือ คำสิงห์นอก ,นายโยธิน ผุโพธิ์ ,นางประภัสสรา ปัญญาวงษ์รักษา, นายวินัย เทือกกึง, นางสาววริศรา สอนแก้ว ,นางศศิตาภา หรือนุชนารถ พิชพรม
นายนันทวัฒน์ เกียรติกรทวียศ ,นายภักดี โพธิ์ศรี ,นายทิน เลาะครบุรี, นายปณิพล นานา ,นายบุญชิด จันทร์พรม ,นางกุณฑรี สุขะทีปะ ทุจริตในการสอบคัดเลือกพนักงานราชการเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครูตำแหน่งครูผู้ช่วย
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา 157, 161 และ 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ,90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ว่า นายสถาพร หยองเอ่น จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 157, 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83
นายเสวียน ปุราสะแก จำเลยที่ 4 (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5) มีความผิดตามมาตรา 157 , 161 , 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83
นางธมนวรรณ พลทามูล จำเลยที่ 9 (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7) นายโยธิน ผุโพธิ์ จำเลยที่ 20 (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 21) และ นางสาววริศรา สอนแก้ว จำเลยที่ 25 ( ผู้ถูกกล่าวหาที่ 24) มีความผิดตามมาตรา 157, 161 ประกอบมาตรา 86
จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 9 จำเลยที่ 20 และจำเลยที่ 25 ให้การรับสารภาพลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 78
คงจำ คุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี จำเลยที่ 4 มีกำหนด 4 ปี จำเลยที่ 9 , 20 , 25 คนละ 6 เดือน ไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษ
ทั้งนี้ กรณีจำเลยที่ 9 , 20 และ 25 นั้น ศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกคนละ 1 ปี ก่อนที่จะลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือคนละ 6 เดือนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 86 แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์จึงมิอาจแก้ไขโทษให้ถูกต้องได้ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยดังกล่าว
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ขณะที่ในคดีนี้การพิพากษาโทษเฉพาะผู้ถูกกล่าวหา 5 ราย ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่นนั้นได้มีการแยกฟ้องดำเนินคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 161 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 162 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่
(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/91125-news07-3.html