‘ปกรณ์’ เลขาฯกฤษฎีกา – ประธานคณะทำงานตรวจสอบกฎหมาย ชุดสางคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ระบุ ผลสอบข้อเท็จจริงของอัยการ-ตำรวจต้องตรงกัน ถ้าใช้สำนวนชุดเดียวกัน เผย ‘วิชา’ เตรียมเชิญ ปปง.ร่วมสอบเส้นทางการเงิน ดูทั้งกระบวนการมีใครทุจริตหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยว่า คณะทำงานชุดนี้จะแยกกันทำงานในส่วนข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่อัยการไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยด้านข้อเท็จจริงได้ตั้งคณะทำงานไปดูเรื่องของอัยการ ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง ส่วนด้านกฎหมายมีตนเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อดูว่าแต่ละขั้นตอนมีช่องโหว่อย่างไร ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อยู่ระหว่างพิจารณร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คือ คือ ร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. และ ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ…. ซึ่งก่อนหน้านี้กฎหมายพูดถึงแค่เรื่องพนักงานสอบสวน จากนี้ต้องมาดูว่าอาจจะขยายข้อกฎหมายเพิ่มไปถึงการสั่งคดีของอัยการหรือไม่ โดยจากนี้จะดูทุกสำนวนคดีมาประกอบกัน เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วก็จะเข้าสู่การพิจารณาในข้อกฎหมายต่อไป
นายปกรณ์ กล่าวว่า ส่วนการแถลงผลการตรวจสอบของอัยการนั้น ตนยังไม่เห็นรายละเอียดเพราะเพิ่งเสร็จสิ้นจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ว่าไปตามหลักการแล้ว พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมถึงวิธีแห่งการกระทำความผิด รวบรวมทั้งหมดไว้ในสำนวน เมื่อรวบรวมแล้วก็เสนอให้อัยการพร้อมกับความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่
เมื่อถามว่า หากสุดท้ายแล้วผลการตรวจสอบของอัยการและผลการตรวจสอบของตำรวจออกมาไม่ตรงกันจะทำอย่างไร นายปกรณ์ กล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ถ้าใช้สำนวนชุดเดียวกันก็ต้องตรงกัน แต่ถ้ามาไม่เหมือนกัน เรามีหน้าที่ไปดูว่า คนนี้ว่าอย่างไร และอีกคนว่าอย่างไร”
เมื่อถามย้ำว่าจะยึดผลการตรวจสอบของตำรวจเป็นหลักหรือไม่ เพราะเป็นต้นทางของคดี นายปกรณ์ กล่าวว่า “มันมีสำนวนจริงอยู่สำนวนเดียวล่ะครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมเมื่อวานนี้ได้พูดถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือไม่ นายปกรณ์ ตอบว่า คงจะต้องตรวจสอบทั้งหมดครับ ว่ามีกระบวนการเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องไม่ รวมถึงอัยการและตำรวจด้วยใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “ใช่ครับ ทั้งหมดเลย อาจารย์วิชาบอกว่าจะขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต่อไป”
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า คดีนี้สังคมมีธงอยู่แล้ว จะกดดันหรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า “ผมไม่มีธง ไม่กดดัน เพราะข้อเท็จจริง คือ ข้อเท็จจริง”
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews/90902-isranews-300.html