ปิดฉากงานฉาวโฉ่ สร้างสายส่ง ปัตตานี 125 ล้าน จนด้วยหลักฐาน-ข้อเท็จจริง !!? กฟภ. กลับลำ แจ้งคลัง “บูรพาฯ เป็นผู้ทิ้งงาน” แล้ว !!!
จากปี 2558 ถึงปัจจุบันปี 2564 รวมเกือบ4 ปีนับจากบริษัท บูรพา บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้รับงานก่อสร้างสายส่งระบบ115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 ถึงสถานีสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตามโครงการพัฒนาสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 9 ส่วนที่ 4 วงเงิน 125,000,000 บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบห้าล้านบาทถ้วน) จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาเลขที่ จ.ป 218/2558 ลงวันที่16 พฤศจิกายน 2558 มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 720 วัน พร้อมจ่ายไฟที่กลายเป็นโครงการอื้อฉาวหลายตลบ!!!…. ตามที่สมาพันธ์นักข่าว (ประเทศไทย) ได้ติดตามขุดคุ้ย พร้อมตีแผ่ความจริงออกมาเป็นลำดับนั้น …
ล่าสุด ก็มาถึงคราวต้องปิดฉากความอื้อฉาวลงแล้ว เมื่อ กฟภ.ยอมถอย ส่งหนังสือ ที่ มท ๕๓๐๕.๒๐/๒๖๗๐๙ ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ถึงปลัดกระทรวงการคลัง แจ้งการพิจารณาลงโทษให้บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ทิ้งงานในโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 ถึงสถานีสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตามโครงการพัฒนาสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 9 ส่วนที่ 4 วงเงิน 125,000,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยขั้นตอนต่อไปตามที่อธิบดีกรมบัญชีกลางเคยระบุไว้ในหนังสือตอบกลับ กฟภ. เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 หลัง กฟภ. ส่งหนังสือมาหารือ โดยระบุว่า เมื่อ กฟภ.ได้ผลพิจารณาอย่างใดแล้วก็ให้เสนอความเห็นไปยังปลัดกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทฯ สมควรเป็นผู้ทิ้งงาน ก็จะดำเนินการออกคำสั่งให้บริษัทฯ และกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เป็นผู้ทิ้งงาน พร้อมทั้งแจ้งเวียนชื่อผู้ทิ้งงานให้หน่วยงานของรัฐต่างๆ ทราบ แต่หากปลัดกระทรวงการคลังเห๋นว่า บริษัทฯ ไม่สมควรเป็นผู้ทิ้งงาน จะแจ้งผลการพิจารณาไปให้ กฟภ. ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม สมาพันธ์ฯ ขอให้ย้อนดูไทม์ไลน์ เงื่อนงำที่ปรากฎในโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 – สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท อีกครั้ง ดังนี้
นอกจากนี้ เมื่อวันที่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายืนหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปรายปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยว่า เจ้าหน้าที่ของ กฟภ. 5 คน ประกอบด้วย
1. นายสมพงษ์ ปรีเปรมผู้ว่าการ กฟภ.
2.นายสุรศักย์ พงษ์สวัสดิ์ อดีตรองผู้ว่าการวิศวกรรม กฟภ. (ในขณะนั้น)
3. นายปิยพจน์ รุธิรโก อดีตรองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ กฟภ. (ในขณะนั้น)
4. นายนุกูล ตูพานิช รองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ กฟภ.
และ 5. นายวิรุจน์ หมื่นกูด ผู้อำนวยการกองสนับสนุนก่อสร้าง กฟภ.และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามที่กฎหมายบัญญัติหรือไม่ อย่างไร…?
- คำถาม ที่ต้องการคำตอบ…?
- การส่งหนังสือล่าสุดถึงปลัดกระทรวงการคลัง แจ้งพิจารณาให้บริษัทเอกชนรายดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงาน หลังเคยแจ้งไม่ลงโทษเป็นผู้ทิ้งงานไปยังบริษัทเอกชนรายดังกล่าวเมื่อ13 ธ.ค. 62 (จนสามารถคว้างานสายส่งระบบ 115 เควี บริเวณสามแยกบ้านแกใหญ่-ทางหลวงหมายเลข 2076 (กม.ที่ 19+280 ) จังหวัดสุรินทร์ มูลค่า 137,699,370.00) และเมื่อ 21 เม.ย. 64ไปยังกรมบัญชีกลาง ที่ มท ๕๓๐๖.๒๐/๑๖๖๐๑ แจ้งเหตุผลการไม่ลงโทษเป็นผู้ทิ้งงาน(ตามไทม์ไลน์) โดย กฟภ.ออกมาแก้ต่างให้ว่า เป็นเพราะสถานการณ์ชายแดนใต้ ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จนั้น ข้อเท็จจริงก็ไม่น่าใช่ เพราะในสัญญาการจ้างงานได้บวกค่าความเสี่ยงไว้ให้แล้ว และก็ไม่ตรงกับการแจ้งของบริษัทเอกชนว่า เกิดจากปัญหาอุทกภัย นอกจากนั้น ในกรณีที่เป็นพื้นที่พิเศษ จะมีการเพิ่มเวลาการทำงานให้แล้วเสร็จมากกว่าในพื้นที่ปกติด้วย (ตามเอกสารที่แนบมา)
นี่จึงเป็นการจนต่อหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ใช่หรือไม่ ….?
(อ่านประกอบ) พิลึก ! เอกชนทิ้งงาน กฟภ. กลับได้รับงานใหม่ ที่ใหม่ แถมออกหนังสือชุบตัว ?
(อ่านประกอบ) พิรุธ !!! ยกเลิกคุณสมบัติเอื้อใคร…?
- ที่น่าสนใจจนเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบคือ เกือบ 4 ปีเต็ม ที่ดูเหมือน กฟภ. จะปล่อยให้บริษัทเอกชนรายดังกล่าว
ลอยนวลจากการต้องตกเป็นผู้ทิ้งงาน จนสามารถเข้าไปรับงานจาก กฟภ. ตลอดห่วงที่ผานมาได้อีกหลายโครงการ เป็นวงเงินหลายร้อยล้านขึ้นไปได้อย่างไร ซึ่งเพิ่งจะมาตกผลึกเห็นแจ้งเข้าข่ายเป็นผู้ทิ้งงานเมื่อเรื่องมันแดงผิดปกติขึ้นมาเป็นลำดับ
(อ่านประกอบ) เปิด บทสรุป “ไทม์ไลน์ กฟภ.”“ความลับไม่มีในโลก”
แต่ไม่ว่า กฟภ.จะมากลับลำเมื่อเรื่องมันล่วงเลยมาเกือบ 4 ปีเต็มแล้วก็ตาม แต่ความความพิกลที่ส่อเค้าความไม่ชอบมาพากลมาอย่างต่อเนื่องก็มิได้เลื่อนหายไป สุดท้ายก็คงต้องรอดู ป.ป.ช. จะชี้มูลออกมาอย่างไรต่อไป…!!!?
ทีมข่าวสมาพันธ์ฯ