ผู้บริหารโดนคดีฉ้อโกงค่าอาหารที่พัก! ขมวดปม (2) ข้อมูลลับ ‘การ์เดียนโกลฟส์’ในมือ อคส.

1286

“…โดยพฤติการณ์ของกรรมการบริษัทบางราย ไม่ปรากฎว่า เคยมีประสบการณ์ในการซื้อขายถุงมือยาง คงมีปรากฎในทางทะเบียนการค้าว่าได้ดำเนินธุรกิจในปี 2552 ในธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พัก และในการสืบค้นพบว่า ผู้บริหารบางราย เคยถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงค่าอาหารที่พักโรงแรมด้วย…”

ประเด็นตรวจสอบการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่ากว่า 112,500 ล้านบาท ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องนั้น

นอกจากข้อสังเกตกระบวนการสร้างนิติกรรมสัญญาซื้อขายสินค้าถุงมือยาง ระหว่าง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในสหรัฐอเมริกา เป็นเอกชนรายแรก ที่เข้ามาติดต่อขอซื้อสินค้าถุงมือยางกับ อคส. จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคา 230 บาทต่อกล่อง มูลค่าสินค้ารวม 115,000,000,000 บาท ก่อนที่ อคส.จะไปลงนามในสัญญาสั่งซื้อถุงมือยางจาก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด วงเงิน 112,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการทำสัญญาซื้อค้าสินค้าถุงมือยางดังกล่าว ที่สำนักข่าวอิศรา มานำเสนอไปแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่อยู่ในมือ อคส. นับเป็นข้อมูลสำคัญอีกชุดหนึ่งที่ไม่ควรถูกมองข้ามโดยเด็ดขาด

อคส.ตรวจสอบพบว่า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จดทะเบียนนิติบุคคลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ซึ่งวันเวลาในการจดทะเบียนดังกล่าว มีระยะเวลาเพียง 70 วัน ก่อนวันลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง (ลงนามสัญญาซื้อขายกับ อคส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563)

แม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพโดยชอบที่จะจดทะเบียนนิติบุคคลขึ้นเมื่อใด เวลาใด ทุนจดทะเบียนเท่าใดก็ตาม

แต่โดยพฤติการณ์ของกรรมการบริษัทบางราย ไม่ปรากฎว่า เคยมีประสบการณ์ในการซื้อขายถุงมือยาง คงมีปรากฎในทางทะเบียนการค้าว่าได้ดำเนินธุรกิจในปี 2552 ในธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พัก

และในการสืบค้นพบว่า ผู้บริหารบางราย เคยถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงค่าอาหารที่พักโรงแรมด้วย

อคส.ยังตรวจสอบพบว่า นอกจากสถานะของนิติบุคคลที่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นก่อนวันลงนามในสัญญาเพียง 70 วันแล้ว เมื่อได้สืบค้นต่อไปพบว่าที่ตั้งของบริษัทฯ เป็นเพียงอาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ไม่ปรากฎว่ามีพนักงานเข้าทำงานตามปกติ และไม่พบว่ามีกิจกรรมทางการค้าการพาณิชย์ภายในอาคารที่ตั้งของบริษัทฯ ด้วย

ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ของ อคส. และมีการยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนเป็นทางการแล้ว

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบไปแล้วมีดังนี้

ข้อมูลจดทะเบียนบริษัท

บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 22 มิถุนายน 2563 ช่วงจดทะเบียนแจ้งทุน 5,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 131/45 หมู่ที่ 11 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมแจ้งประกอบธุรกิจ ผลิต ซื้อขาย นำเข้าและส่งออก ถุงมือ ยางพารา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯซื้อขาย แลกเปลี่ยน ขนส่ง ทำธุรกิจชิปปิ้ง และเป็นตัวแทนจำหน่ายซึ่งสินค้าอุปโภคและบริโภค

ปรากฎชื่อ นายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2563 นาย ธณรัสย์ หัดศรี ถือหุ้นใหญ่สุด 70% มูลค่า 3,500,000 บาท หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นางสาว ณัฐญา หัดศรี และ นางสาว อรัญรัชญ์ หัดศรี คนละ 15% มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่คนละ 750,000 บาท

เท่ากับว่า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท วันที่ 22 มิถุนายน 2563 ก่อนหน้าที่จะลงนามสัญญาซื้อขายกับ อคส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 ห่างกันประมาณ 2 เดือนเศษเท่านั้น

เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านเป็น 2,500 ล้าน

ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ภายหลังจากที่ อคส. จ่ายเงินค่าสินค้างวดแรก 2,000 ล้านบาท ให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 หลังจากลงนามในสัญญาเป็นทางการ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ได้ยื่นคำขอต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท จากทุนจดทะเบียนเดิม 5 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท หลังจากได้รับชำระเงินค่าหุ้น จาก นายธณรัสย์ หัดศรี กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2563 เป็นจำนวนเงิน 2,495,000,000 บาท (บวกทุนจดทะเบียนเดิม 5 ล้านบาท รวมเป็น 2,500 ล้านบาท)

ตรวจสอบที่ตั้งบริษัท

วันที่ 18 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ เลขที่ 131/45 หมู่ที่ 11 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม

เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า ที่ตั้งดังกล่าว เป็นอาคารโกดังเก็บสินค้าโครงการอริยแลนด์ บริเวณประตูทางเข้าล็อกแม่กุญแจเอาไว้ ไม่มีใครอยู่ภายในอาคาร

จากการสอบถามข้อมูลบุคคลในบริเวณใกล้เคียงได้รับแจ้งว่า ในช่วงเดือนส.ค.2563 มีคนนำของเข้ามาไว้ที่โกดังแห่งนี้เพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นไม่ได้เดินทางเข้ามาอีกเลย

ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากหน่วยงานตรวจสอบแห่งหนึ่ง ว่า หนึ่งในบุคคลที่ปรากฎชื่อเป็นผู้บริหารบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ตรงกันกับ ชายคนหนึ่ง ในทะเบียนประวัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นจำนวนถึง 5 คดี ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม แม่ฮ่องสอน ชลบุรี กาญจนบุรี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นคดีฉ้อโกง 2 คดี ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อปี 2556 และที่สภ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2554 ด้วย

เปิดคำชี้แจงเจ้าของ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด

สำนักข่าวอิศรา ได้โทรศัพท์ติดต่อ นาย ธณรัสย์ หัดศรี เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทำสัญญาซื้อขายสินค้าถุงมือยาง กับ อคส. เป็นทางการ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

อิศรา : เข้าไปทำสัญญากับ อคส.ได้อย่างไร?

นายธนรัสย์ : “ผมทำสัญญากับ อคส.ได้อย่างไร …อคส.เขาเรียกผมเข้าไปทำได้อย่างไร ….คือ ผมไม่รู้จักใครในนั้น มีคนจากอคส.มาติดต่อผมเอง เขาไม่เคยเรียกรับเงินผม และผมก็ไม่เคยเสนอจ่ายเงินเขา ซึ่งเงิน 2 พันล้าน ถ้าคิดว่าจะมีการจ่ายใต้โต๊ะ ก็ต้องจ่ายเท่าไร ซึ่งผมเห็นว่าข่าวที่ผ่านมานั้นไปมองประเด็นเรื่องทุจริตมาโดยตลอด แต่ทำไมไม่มีใครมองถึงแก่นสารของสัญญานั้น มันจะถูกต้องหรือไม่ ทำไมคุณไม่ไปดูข้อนั้น”

“การทำสัญญาซื้อขายครั้งนี้ อคส.เป็นฝ่ายเข้ามาหาผม ซึ่งเขามารอบแรกผมก็ไม่ได้คุยอะไร อันที่จริงผมยังไม่รู้จักหน่วยงานนี้ด้วยซ้ำ แต่พอมารอบที่ 2 มีรถของเจ้าหน้าที่มาถามหาเจ้าของบริษัท ซึ่งตอนแรกผมก็ติดลูกค้าต่างประเทศหลายๆราย แต่ทางเขาก็บอกว่าจะมาสั่งซื้อยอดเยอะ ผมก็บอกว่าเยอะก็คงต้องสั่งกับโรงงาน ผมบอกว่ายอดเยอะนั้นไม่มีต้องผลิตเอง แต่อย่างว่ายอดเยอะเป็นจำนวนร้อยล้านกล่องนั้นไม่สามารถที่จะส่งได้ในทีเดียว ความเป็นจริงมันต้องทยอยออก”

“ในวันที่คุยกับ อคส.นั้น ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อว่าจะได้มีโอกาสจะทำธุรกิจแบบนี้ แต่เมื่อมีโอกาส ก็พร้อมที่จะทำให้ดีและถูกต้อง การทำธุรกิจในวงการแบบนี้ หน้าที่ของเราก็คือการไปดีลกับโรงงานหรือซัพพลายเออร์บางคนที่เขามีขีดความสามารถในการส่งของให้เราได้ กำไรของผมไม่ได้อยู่ที่กล่องแรก แต่มันจะอยู่ที่กล่องหลังๆที่ผมหามาได้ ซึ่งผมต้องการทั้งกรอบเวลา โอกาส และผมก็ต้องการที่จะชนะตัวเองด้วยในการจัดซื้อครั้งนี้ ”

“ที่ผ่านมาผมได้เคยเข้าไปชี้แจงกับทาง อคส.ด้วยว่าจะมีการหาของจากไหน มีการระบุเอกสารและข้อมูลต่างๆเอาไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ส่วนตัวสัญญาเองก็ถือว่าเป็นคุณกับทาง อคส. เพราะมีการระบุไว้ว่าถ้าไม่สามารถหาสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับด้วยเช่นกัน”

อิศรา : คุณมั่นใจถึงขีดความสามารถว่าจะหาถุงมือจำนวนนับแสนล้านชิ้นมาได้

นายธนรัสย์: “วันเดียวคงทำไม่ได้ แต่ 2 ปีคงทำได้”

“คือ ผมทำงาน หน่วยงานนี้เขาก็เดินมาหาผม เข้ามาดูสินค้าที่คลังเลย แล้วถ้าผมไม่มีสินค้าแล้วเขารับสินค้าผมไปได้อย่างไร จริงๆผมทยอยส่งสินค้ามาก่อนกำหนดในสัญญาด้วยซ้ำไป ซึ่งบริบทของผมนั้น ผมก็อยากให้ใครสักคนมามองในมุมมองผมบ้าง ไม่ใช่ฟังแต่คนอื่นพูด แต่ผมเองก็ไม่มีอำนาจจะพูดอะไร”

อิศรา : แล้วทำไมทาง อคส.ไม่ทำสัญญากันทีละล็อต แทนที่จะทำสัญญารวดเดียว 500 ล้านกล่อง?

นายธนรัสย์: “นั่นเป็นปัญหาของเขาไม่ใช่ปัญหาของผม ยกตัวอย่างว่าถ้าวันหนึ่งคุณเปิดร้านอาหาร ต้องดูว่ากำลังผลิตนั้นกี่จาน ถ้าวันนั้นคุณมีหน้าที่แค่ซื้อมาขายไป คุณตอบได้หรือว่าคุณจะต้องมียอด มีเงิน หรือว่ามีสินค้าก่อน ประเด็นคือคุณต้องมีเงินก่อน คุณถึงสามารถหาสินค้าได้ ถ้าคุณไม่มีเงินคุณจะไปซื้อที่ไหนได้ ถ้าหากวันหนึ่งมีคนมาสั่งของมากกว่าเงินในกระเป๋าเงินคุณ คุณก็ต้องเก็บเงินก่อน จะไปกู้ก็คงไม่ใช่ เพราะจะได้รู้ว่าเขาซื้อของคุณจริงหรือไม่”

“ณ วันนี้ผมได้รับออเดอร์มา 500 ล้านกล่อง ผมก็ต้องมีการคิดและตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่าภายใน 2 ปีจะต้องหาให้ได้ แต่ก็ต้องคิดเผื่ออุบัติเหตุระหว่างทางเอาไว้ด้วย ซึ่งทุกวันนี้แม้ว่าจะมีข้อครหาหรือข่าวแบบนี้ออกมา ผมก็ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะหาถุงมือยางตามสัญญาอยู่ ”

“สาระสำคัญก็คือเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางนี้ก็เหมือนกับเครื่องบินจะบินไปสู่เป้าหมาย ทางที่ดีก็ต้องพยายามหาวิธีการเพื่อแก้ไขอุบัติเหตุในระหว่างเที่ยวบินกันไป แต่ถ้ามาตั้งคำถามแบบนี้ เครื่องบินก็ไม่มีโอกาสได้ออกบินแน่นอน”

อิศรา : ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศราเคยได้รับทราบข้อมูลว่ามันมีบริษัทหนึ่งที่รับออเดอร์มาจากทางรัฐบาลท้องถิ่นแคนาดา แต่เนื่องจาก อคส.นั้นไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ได้ทัน ซึ่งเรื่องนี้อาจจะส่งผลใหญ่ไปถึงภาพพจน์ของประเทศได้?

นายธนรัสย์: “คือผมเคยทำสัญญาส่งของให้กับ อคส. เคยไปส่งของเขาก็เก็บของไว้ในคลัง แล้วเขาก็ระงับไม่ให้ผมส่งของเข้าไป ผมกำลังจะไปส่งเพิ่ม เขาก็บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว ไม่เอาแล้ว ถ้าจะถามว่าทำไมไม่เอาก็คงต้องไปถามทางเขา ซึ่งก็คือ อคส. ไม่ใช่มาถามผมซึ่งเป็นคนส่งของ ถ้าจะถามผมก็ต้องถามว่าทำไมไม่ส่งของ เพราะผมจะไปส่งของประมาณวันที่ 3 ก.ย. แต่เขาก็ไม่รับสินค้า ผมก็มีการลงบันทึกเอาไปส่งของจริง”

อิศรา : ที่ผ่านมามีหน่วยงานรัฐลงพื้นที่มาตรวจสอบไหมว่าทาง บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด นั้นสามารถหาของได้จริง?

นายธนรัสย์: “ผมยังไม่เห็นใครเดินเข้ามาเลย”

อิศรา : ล่าสุดมีข่าวว่าบริษัทถอนเงินที่อคส.ชำระค่าสินค้างวดแรก 1,800 ล้านบาท (อคส.จ่ายค่าสินค้างวดแรก 2,000 ล้านบาท บริษัทนำเงิน 200 ล้านบาท ไปวางคืนเป็นหลักค้ำประกันสัญญา จึงเหลือเงินอยู่ 1,800 ล้านบาท) ออกจากบัญชีธนาคารเกือบหมดแล้วจริงหรือไม่?

นายธนรัสย์: “ผมได้เงินมาทำงานโดยสุจริต ผมจะนำเงินไปใช้อะไรก็เป็นสิทธิของผม ไม่จำเป็นต้องชี้แจงใคร”

“คือ ผมจะพยายามปฏิบัติตามสัญญา ผมได้เงินมา ผมไม่ได้ดึงเช็คมาใส่มาขึ้นเงินเอง คือ เขา (อคส.) เอาเช็คไปใส่แล้วมาใส่บัญชีผม ผมก็ไม่ได้มีการโอนออก ผมเสียภาษีทุกบาท หัก ณ ที่จ่ายครบ มันจะมีใต้โต๊ะตรงไหน ก็เหมือนเราเอาเงินไปใช้กินข้าว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นเป็นเงินจาก อคส. หรืออย่างคุณ เมื่อเงินเข้าบัญชีคุณ คุณก็ต้องใช้เหมือนกัน แต่ผมย้ำว่าไม่เคยให้เงินใต้โต๊ะกับใคร”

“ส่วนเรื่องการจดทะเบียนซึ่งมีการใช้ทุนเยอะก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำธุรกิจตรงนี้ได้”

อิศรา : ตอนจดทะเบียนตั้งบริษัทครั้งแรก มีทุนแค่ 5 ล้าน เอาเงินค่าสินค้างวดแรก 2,000 ล้านบาทของอคส. มาเพิ่มทุนจดทะเบียนใช่หรือไม่?

นายธนรัสย์: “มันก็เป็นการทำธุรกิจของผม”

“แต่ ณ วันนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหา ถ้ารู้ว่ามีผมคงไม่เซ็นตั้งแต่ทีแรกแล้ว วันหนึ่งก็มีแค่เจ้าหน้าที่รัฐมาให้เซ็น เราก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหากันแบบนี้ แต่ว่าวันนี้ผมไม่ศรัทธากับอะไรทั้งนั้นกับระเบียบของรัฐแล้ว”

“คือ ผมอ่านจากข่าว คุณบอกว่าไม่มีอำนาจแล้วคุณมีการเซ็น แล้วเอาเงินออกไปได้อย่างไร ซึ่งผมเป็นประชาชนผมก็ตอบตรงนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

“สมมติว่าวันหนึ่งคุณขายสินค้นกับคนที่จ่ายเงิน แล้วปรากฏพี่น้องของคนที่จ่ายเงินบอกจะไม่จ่ายเงิน ผมต้องรู้ไหมว่าบ้านเขานั้นมีปัญหาอะไร ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผมแค่ว่าทำตามสัญญา”

“ผมก็ยอมรับนะว่าผมเคยติดคุกและออกจากคุกมาจริง แต่ทุกวันนี้ผมก็ต้องพยายามทำให้อะไรมันดีขึ้น พยายามจะเป็นคนใหม่ พยายามที่จะทำจะทำประโยชน์ให้ผู้อื่น”

“ผมยืนยันจริงๆ ว่า เรื่องนี้ผมก็อยากที่จะให้มันยุติเหมือนกัน หน่วยงานอะไร ทั้งคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถ้าจะมาถามอะไรผมก็พร้อมแจง แต่ว่าวันนี้ผมก็ได้แต่นิ่งอย่างเดียวและทำตามสัญญาไป”

อิศรา : ที่ผ่านมามีหน่วยงานสอบสวนติดต่อมากี่หน่วยงานแล้ว?

นายธนรัสย์: “ไม่มีใครเดินมาหาผม แต่ผมเดินเข้าหา ป.ป.ช.เลย ผมส่งทนายไปว่าทำไมทำแบบนี้ กำลังจะชี้แจงไป แต่ทางเขาก็คงมีการดำเนินงานที่ไม่เหมือนกัน”

“แต่อย่างที่ผมบอกว่าทำไมวันนี้ไม่มีใครพูดเลยว่าผมมีสินค้าอยู่ในคลังบ้างแล้ว และไม่มีใครพูดเลยว่าถ้าทำตามสัญญานี้เสร็จจะเป็นอย่างไร”

Credit : https://www.isranews.org/article/isranews/93590-invews-2.html

- Advertisement -