“…หากนับช่วงวันเวลาการประสานโครงการนี้ ตามที่ปรากฎอยู่ในบันทึกข้อความฉบับนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นเจรจากับ บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันที่ 25 ส.ค.2563 จนกระทั่งถึงวันที่อคส.ลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้ากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 จะมีระยะเวลารวม 7 วันเท่านั้น …”
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเส้นทางเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท ที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ชำระค่าสินค้างวดแรกให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ภายหลังการทำสัญญาซื้อขายสินค้าถุงมือยาง วงเงิน 112,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 ซึ่งมีการยื่นเรื่องให้หน่วยงานตรวจสอบหลายแห่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยพบว่าเงินจำนวน 2,000 ล้านบาทดังกล่าว ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีนครปฐม เลขที่บัญชี 074-1-443xxx ระบุชื่อ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เจ้าของบัญชี ณ วันที่ 15 ก.ย.2563 เวลา 09.25 น. วงเงินในบัญชีนี้เหลืออยู่ 858,186,043 บาท เท่านั้น ซึ่งล่าสุด มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้สั่งการให้มีการนำเรื่องร้องเรียนการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง วงเงิน 112,500 ล้านบาท ของ อคส. เข้าบรรจุเป็นวาระด่วน และมีมติรับเรื่องไว้ไต่สวน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการออกคำสั่งอายัดเงินในบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีนครปฐม เลขที่บัญชี 074-1-443xxx ของ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่ได้รับโอนเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท จากอคส.ไว้ก่อนด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำหลักฐานใบนำฝากเงิน จำนวน 2,000 ล้านบาท ของ อคส. ที่ชำระค่าสินค้างวดแรกให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ดังกล่าว เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีนครปฐม เลขที่บัญชี 074-1-44xxxx ของ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด และภาพถ่ายสำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีนครปฐม เลขที่บัญชี 074-1-443xxx ของ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
ต่อไปนี้ คือ บันทึกข้อความการเสนอขออนุมัติจัดซื้อถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง วงเงิน 112,500 ล้านบาท และการชำระเงินค่าสินค้าล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท ที่มีการเสนอเรื่องให้ผู้บริหาร อคส.เพื่อพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 28 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา
สรุปสาระสำคัญ ใน 3 ประเด็นหลัก คือ
1. มีการอ้างว่าการจัดซื้อถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง วงเงิน 112,500 ล้านบาท เป็นนโยบายของ อคส.
2. มีการอ้างว่าเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2563 บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ได้มีหนังสือแสดงเจตจำนงขอซื้อถุงมือยางจากอคส. เพื่อส่งมอบไปสหรัฐ และยุโรป จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 230 บาท โดยมีเงื่อนไขในการชำระเงินโดยการเปิด L/C ชนิดเพิกถอนไม่ได้เต็มมูลค่าของสัญญา
3. มีการอ้างว่า อคส. ได้เจรจากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งมีหนังสือเสนอขายสินค้า ลงวันที่ 27 ส.ค.2563 เสนอราคาจำหน่ายถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่องในราคากล่องละ 225 บาท มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยต้องชำระเงินล่วงหน้า
4. มีการให้เหตุผลว่า เนื่องจากการจัดซื้อครั้งนี้มีวงเงินเกินกว่า 50 ล้านบาท เกินอำนาจของผู้อำนวยการอคส. ถ้าเกิน 50 ล้านบาท จะต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการ อคส. ซึ่งหากการเสนอต่อที่ประชุม ตามวาระจรจะเป็นการล่าช้า ก็ให้เสนอโดยวิธีขอมติเป็นการเร่งด่วน ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอคณะกรรมการ อคส.เพื่ออนุมัติจัดซื้อก่อนดำเนินการ โดยมีเงื่อนไขชำระเงินล่วงหน้าจำนวน 2,000 ล้านบาท ให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด
5. การอนุมัติร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยาง ได้ยกร่างจากสัญญาซื้อขายข้าวสารที่ผ่านการตรวจจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว (ดูเอกสารประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติม ว่า จากนั้น อคส. ได้ทำสัญญาซื้อขายสินค้ากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 ซึ่งทาง อคส. ได้มีการให้ตัวแทน บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด กรอกรายละเอียดในแบบคำขอรับเงินผ่านธนาคาร เพื่อขอรับชำระค่าสินค้างวดแรก 2,000 ล้านบาท ในวันที่ 31 ส.ค.2563 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการลงนามในสัญญาสินค้าด้วย และมีการจ่ายเงินค่าสินค้างวดแรก 2,000 ล้านบาท ให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563
ทั้งนี้ หากนับช่วงวันเวลาการประสานโครงการนี้ ตามที่ปรากฎอยู่ในบันทึกข้อความฉบับนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นเจรจากับ บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันที่ 25 ส.ค.2563 จนกระทั่งถึงวันที่อคส.ลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้ากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 จะมีระยะเวลารวม 7 วันเท่านั้น
ก่อนที่ในเวลาต่อมา สื่อมวลชนหลายสำนักจะรายงานข่าวตรงกัน ในช่วงบ่ายวันที่ 17 ก.ย.2563 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 31/2563 ให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า มาปฏิบัติหน้าที่ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยบรรจุและแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง เงินอื่น และสิทธิประโยชน์เดิมที่ได้รับอยู่ จนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 14 ก.ย.2563
ทั้งนี้ คำสั่งย้ายดังกล่าว คาดว่ามีสาเหตุมาจากกรณีที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ได้นำเงินของ อคส. ไปซื้อถุงมือยางมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยที่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ อคส. (บอร์ด อคส.)
ขณะที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ เคยให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศราเป็นที่แรกว่า ได้รับทราบข่าวแล้ว และกำลังรอคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ เป็นทางการ ถ้าคำสั่งมาถึงเมื่อไร ก็พร้อมปฏิบัติตามเข้าไปรายงานตัวทันที ส่วนบอร์ด อคส. จะมีมติสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอะไรกับตนนั้น ก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะมั่นใจว่าทำเรื่องถูกต้อง
“ที่ผ่านมา อคส. ขาดทุนต่อเนื่องมา 5 ปี เงินขาดทุนสะสมกว่า 1.1 หมื่นล้าน ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางครั้งนี้ จะทำให้ได้กำไรวงเงินที่สูงมาก สามารถช่วยกู้วิกฤตปัญหาการขาดทุนได้ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นในยุคของผมให้ได้”
เมื่อถามว่า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้ง 2 เดือนเศษ ก่อนทำสัญญา ทราบข้อมูลนี้หรือไม่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ตอบว่า “ก็รับทราบ แต่บริษัทเขามีคุณภาพ และลูกค้าที่มาติดต่อซื้อขายถุงมือยางกับอคส.ก็เป็นผู้นำแนะมาว่า ต้องเป็นบริษัทนี้ ซึ่งผมก็โอเค เพราะการทำธุรกิจครั้งนี้ จะไปทำกับบริษัทรายใหญ่ก็ไม่ได้ เราไม่มีเงินไปวางมัดจำให้ได้จำนวนมากขนาดนั้น”
” หลังจากทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 สัญญาเริ่มเดินไปแล้ว มีการนำสินค้ามาส่งแล้ว เราก็จ่ายเงินให้เขาไป 2 พันล้าน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา แต่ถ้าบอร์ดอคส.ไปยกเลิกสัญญา โดยที่เอกชนเขาไม่ได้ทำผิดอะไรก็ต้องระวังตัวกันให้ดี เหมือนกับกรณีของผม ถ้าโดนทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็พร้อมที่จะใช้ช่องทางศาลปกครองต่อสู้เหมือนกัน”
เมื่อถามว่า การทำสัญญาซื้อขายครั้งนี้ ผ่านมติบอร์ดอคส.หรือยัง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ตอบว่า “ผมได้ปรึกษากับคณะกรรมการจัดสรรเงินลงทุนแล้ว แต่ที่ไม่ได้นำเรื่องผ่านบอร์ด เพราะว่าการดำเนินงานมีความเร่งรีบ และก็เห็นว่าการดำเนินงานโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ อคส. อยู่แล้ว ”
ส่วนแหล่งข่าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) เคยเปิดเผยสำนักข่าวอิศราเช่นกันว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. ในฐานะรักษาการผอ.อคส. กล้าที่จะลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด วงเงิน 112,500 ล้านบาท เป็นเพราะมีสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้ากับเอกชนอยู่ในมือแล้วจำนวน 4-7 ราย และเอกชนกลุ่มนี้ ก็เป็นผู้แนะนำ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มาให้กับอคส.ด้วย โดยยืนยันว่า หากอคส.ทำสัญญาซื้อขายสินค้ากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เอกชนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะลงนามซื้อขายสินค้ากับ อคส.
“เท่าที่ทราบข้อมูลจาก พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ถึงเหตุผลที่กล้าตัดสินใจลงนามในสัญญาซื้อขาย ถุงมือยาง กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด วงเงิน 112,500 ล้านบาท เป็นเพราะได้รับคำสั่งซื้อจากเอกชนกลุ่มหนึ่งไว้แล้วในมือ ซึ่งที่มาของเอกชนกลุ่มนี้ บางบริษัทมีบอร์ดอคส.บางรายเป็นผู้แนะนำมา บางบริษัทก็ถูกระบุว่า นักการเมืองผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้แนะนำมา และที่สำคัญโครงการนี้ ก็ได้รับไฟเขียวจากผู้ใหญ่ในอคส.ให้ดำเนินการด้วย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ จึงกล้าที่จะลงนามในสัญญาซื้อขายกับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัดดังกล่าว” แหล่งข่าวระบุ
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews/93128-investigative063.html