รมช.คมนาคมมอบหมายตัวแทนหอบหลักฐานยื่น นายกฯ-ป.ป.ช.ข-ก.คลัง ดำเนินการสอบปม ‘การบินไทย’ ขาดทุน ชี้สาเหตุสำคัญมากจากการจัดซื้อเครื่องบิน 10 ลำช่วงปี 51 พบปัญหาจ่ายสินบนโรลส์-รอยซ์เอี่ยวด้วย สัปดาห์หน้ายื่น ปปป.ตร.สอบต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2563 นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม มอบหมายให้นายคมกฤช วงศ์สมบุญ หัวหน้าคณะทำงานชุดย่อยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงฝ่ายช่าง นำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ทำให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดทุน พร้อมเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ มามอบให้นายกรัฐมนตรี สำนักงาน ป.ป.ช. และกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายต่อไป
โดยกรณีนี้สืบเนื่องจากที่นายถาวร ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขาดทุนของการบินไทย พบว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2551 สาเหตุสำคัญมาจากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ เมื่อนำมาทำการบินก็เกิดปัญหาขาดทุนทุกเส้นทางบิน ตั้งแต่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพ-นิวยอร์ก ในเดือนกรกฎาคม 2548 จนปลดระวางลำสุดท้ายในปี 2556 และยังเป็นปัญหาภาระในการดูแลจนถึงปัจจุบัน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกจำนวนมหาศาลที่เป็นการใช้เงินแบบไม่สมเหตุสมผลมีการเสียเงินแบบไม่น่าเสีย และส่อไปในทางทุจริต
โดยจุดเริ่มต้นของการขาดทุนย้อนไปในปี 2551 ซึ่งนับเป็นเวลา 3 ปี จากเที่ยวบิน A340 เริ่มทำการบิน การบินไทยขาดทุนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การก่อตั้งบริษัทมา 60 ปี เป็นมูลค่า 21,450 ล้านบาท ต้องแก้ปัญหาด้วยการออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรก ซึ่งคณะทำงานฯ พบว่าปัญหาการขาดทุนของการบินไทยจำนวนไม่ต่ำกว่า 62,803.49 ล้านบาทมาจากการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น A340 จำนวน 10 ลำนั้น เป็นผลมาจากปัจจัย 3 ประการ คือ 1. การบินไทยไม่ให้ความสำคัญต่อการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด 2. ปัญหาการจ่ายสินบนของบริษัท โรลส์ – รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานการบินไทย วงเงินกว่า 254 ล้านบาท ในการเอื้อประโยชน์ให้มีการจัดซื้อเครื่องยนต์อะไหล่ 7 เครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่าย Total Care Agreement 3. มีข้อมูลการจ่ายเงินสินบนไม่ต่ำกว่า 5% หรือประมาณ 2,652 ล้านบาท ผ่านนายหน้าคนกลางให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ และพนักงานการบินไทย แลกกับการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น A340 จำนวน 10 ลำ”
ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้มีเวลาทำงานเพียง 43 วัน ได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดย่อยขึ้นมา 6 คณะ มีการตรวจสอบรายงานการประชุมของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ของบริษัท ย้อนหลัง 3 ปี คือ ปี 2560 – 2562 จนกระทั่งการบินไทยพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 และเมื่อพ้นสภาพไปแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ได้มีความเห็นว่าคณะทำงานฯ ไม่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายได้ต่อไปจึงสิ้นสุดการตรวจสอบ และนำข้อมูลที่ตรวจพบนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ โดยในวันนี้คณะทำงานฯ จึงได้นำสรุปผลการตรวจสอบรายงานนายกรัฐมนตรี และส่งให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท การบินไทย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีอำนาจในการดำเนินการได้อย่างเด็ดขาดต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า โดยในสัปดาห์นี้ คณะทำงานฯ กำลังจัดทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อนำไปยื่นต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อดำเนินการกับพนักงานบริษัทที่ส่อทุจริต โดยเฉพาะค่าล่วงเวลา OT ฝ่ายช่างที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนด้วย
Cr:https://www.isranews.org/article/isranews/91649-isranews-387.html