คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ฟันรองนายกเทศมนตรี ต.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช. ไม่แสดงเงินฝาก 4 บัญชี ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้าปี จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 8 ก.ค. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ราย นายชัยนาด ใจมุ่ง รองนายกเทศมนตรีตําบลสวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่ง ห้ามดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2556 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้
พิเคราะห์คําร้อง เอกสารประกอบคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จําต้องเรียกพยานมาไต่สวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับ แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกเทศมนตรีตําบลสวนผึ้ง อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งหรือไม่ เห็นว่า
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดและมีระวางโทษเท่าเดิม กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหา ส่วนมาตรการบังคับทางการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่ใช่กฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทําผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 และมาตรา 119 บังคับแก่คดีเมื่อผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งรองนายกเทศมนตรีตําบลสวนผึ้ง จึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง ภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตําแหน่ง และวันพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่ง แต่จากการตรวจสอบของผู้ร้องพบว่า ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบโดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา 4 รายการ ได้แก่
1. บัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสวนผึ้ง เลขที่ 015432514541 จํานวน 1,748.37 บาท ผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 ซึ่งมีธุรกรรมทางการเงินตลอดทุกเดือน ประมาณ 300,000 ถึง 1,400,000 บาท
2. เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารเกียรตินาคิน จํากัด (มหาชน) เลขที่สัญญา 317435 จํานวน 136,490 บาท ทําสัญญาเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 ซึ่งยังมีการผ่อนชําระหนี้เดือนละ 4,250 บาท
3. เงินกู้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาราชบุรี เลขที่ 077480023405 จํานวน 144,340.96 บาท ทําสัญญาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2548 ซึ่งยังมีการผ่อนชําระหนี้เดือนละ 2,300 ถึง 2,500 บาท
4. สัญญาเช่าซื้อรถแทรกเตอร์กับบริษัทสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง จํากัด เลขที่ 5200168 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 ในราคา 1,167,177.57 บาท ซึ่งยังมีการผ่อน ชําระหนี้เกือบทุกเดือน
ซึ่งเห็นได้ว่า ทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหา มีอยู่จริงในเวลาที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง โดยมีการทําธุรกรรมทางการเงินและการชําระหนี้อยู่เป็นประจําผู้ถูกกล่าวหาจึงรับรู้ว่าตนมีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว เมื่อไม่ใช่ทรัพย์สินหรือหนี้สินที่มีมูลค่าเล็กน้อย พฤติการณ์ดังกล่าวมี เหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วย ข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งรอง นายกเทศมนตรีตําบลสวนผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องถูกห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารง ตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้การกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายชัยนาด ใจมุ่ง ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่ง ในการดํารงตําแหน่งรองนายกเทศมนตรี ตําบลสวนผึ้ง อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหา ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งตามมาตรา 34 วรรคสอง กับมี ความผิดตามมาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษ จําคุกมาก่อน โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 46 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.8 ก.ค.2563 วันที่ 8 ก.ค.2563)
Credit : https://www.isranews.org/article/isranews-news/90797-news-142.html