ราชกิจจานุเบกษาประกาศ 3 พรฎ.ยกเว้นภาษีธุรกรรมช่วยเอสเอ็มอีฝ่าโควิด-19
ราชกิจจานุเบกษาประกาศ 3 พระราชกฤษฎีกา ยกเว้นภาษีธุรกรรมช่วยเอสเอ็มอี.ฝ่าโควิด-19 ครึ่่งหนึ่งของรายจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ตามมาตรการรัฐ 2 เท่าของรายจ่ายเงินเดือนพนักงานช่วง1เม.ย.-31 ก.ค.2563 และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา(พรฎ.) 3 ฉบับ เพื่อยกเว้นภาษีแก่ธุรกรรมตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี.ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 20191 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนที่ 54 ก วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกอบด้วย
1.พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 707 )พ.ศ.2563 มีเหตุผลคือ เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่เป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมตามมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ประกอบการดังกล่าว
2.พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 708 ) พ.ศ. 2563 มีเหตุผลคือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายไม่เกินห้าร้อยล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละสองร้อย ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เพื่อเป็นค่าจ้าง สำหรับการจ้างงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่ผู้ประกอบการ และส่งเสริมเสถียรภาพของการจ้างงานภาคธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
และ
3.พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 709) พ.ศ.2563 มีเหตุผลว่า โดยที่ปัจจุบันลูกหนี้จำนวนมากไม่สามารถชำระหนี้ได้ เนื่องมาจากการได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรง การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่น จะเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายการลงทุนของภาคเอกชน อันจะเป็นการส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง สมควรกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่ได้กระทำในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564
ที่มา : พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๗) พ.ศ. ๒๕๖๓
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๘) พ.ศ. ๒๕๖๓
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๐๙ ) พ.ศ. ๒๕๖๓
Credit : https://www.thansettakij.com/content/business/441764?as=